ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงอย่างต่อเนื่องในวันนี้ โดยดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 100 จุด จากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ
รายงานประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำเดือนธ.ค.ระบุว่า นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของนายทรัมป์จะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อดีดตัวขึ้น ซึ่งจะทำให้เฟดต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ณ เวลา 23.48 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 19,826.71. จุด ลดลง 115.45 จุด หรือ 0.58%
ในช่วงการรณรงค์หาเสียง นายทรัมป์กล่าวว่า เขาจะทำการแก้ไขข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (นาฟตา) รวมทั้งจะสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก
หุ้นกลุ่มการเงินดิ่งลงกว่า 1% นำหน้าตลาด ขณะที่หุ้นโกลด์แมน แซคส์ทรุดตัวลงมากที่สุด
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตลาดเผชิญแนวต้านสำคัญที่ระดับ 20,000 จุด หลังจากที่ใช้ความพยายามมาแล้วหลายวัน แต่ก็ยังไม่สามารถผ่านไปได้ เช่นเดียวกับที่ตลาดพยายามฝ่าระดับ 10,000 จุดในช่วงปลายทศวรรษ 1990
ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐประจำเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด โดยปรับตัวขึ้น 153,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 170,000 ตำแหน่ง และต่ำกว่าระดับ 215,000 ตำแหน่งของเดือนพ.ย.
ภาคบริการมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 169,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. ส่วนภาคการผลิตมีการจ้างงานลดลง 16,000 ตำแหน่ง
กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันพรุ่งนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขการจ้างงานรวมทั้งภาครัฐและเอกชน และจะบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้
ผลการสำรวจนักวิเคราะห์ระบุว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 172,500 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานจะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.7%
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์อาจทำการปรับลดคาดการณ์ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานในภาคเอกชนที่น่าผิดหวังในวันนี้