ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงในวันนี้ ซึ่งเป็นการปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 7 วันทำการ โดยการซื้อขายถูกกดดันจากความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับมาตรการปฏิรูปภาษีของสหรัฐ ขณะที่วันนี้เป็นวันครบรอบ 1 ปี หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีที่แล้ว
ณ เวลา 21.38 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 23,530.27 จุด ลดลง 27.80 จุด หรือ 0.11%
หุ้นกลุ่มการเงินดิ่งลงนำตลาดวันนี้
ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นมากกว่า 15% ในปีนี้ และทะยานขึ้น 20% นับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 8 พ.ย.ปีที่แล้ว
ผลประกอบการที่แข็งแกร่ง, ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สดใส และการคาดหวังต่อมาตรการปฏิรูปภาษีของสหรัฐ ต่างก็เป็นปัจจัยที่ผลักดันตลาดหุ้นวอลล์สตรีทนับตั้งแต่ปธน.ทรัมป์ประสบชัยชนะในการเลือกตั้ง
ปธน.ทรัมป์อ้างว่าเขาเป็นสาเหตุสำคัญที่ช่วยให้ตลาดหุ้นพุ่งขึ้นอย่างมากในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา หลังจากที่เขาชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
ปธน.ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน ในระหว่างการเดินทางเยือนเอเชียว่า เขาเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ดัชนีหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
"สาเหตุที่ทำให้ตลาดหุ้นประสบความสำเร็จอย่างมากก็เพราะว่าผมนั่นเอง" ปธน.ทรัมป์กล่าว
"ผมทำให้เงินเพิ่มมากขึ้น ผมทำให้การจ้างงานเพิ่มมากขึ้น นี่คือสิ่งที่ผมทำ และผมทำได้ดีจริงๆ ดีกว่าที่คนอื่นเข้าใจ และพวกเขาเข้าใจว่าผมทำได้ดี" เขากล่าว
ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ปธน.ทรัมป์กล่าวอ้างว่าการที่เขาได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งช่วยให้ตลาดหุ้นทะยานขึ้น โดยเมื่อเดือนที่แล้ว เขาได้ทวีตข้อความระบุว่า "มูลค่าตลาดหุ้นได้เพิ่มขึ้นถึง 5.2 ล้านล้านดอลลาร์นับตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 8 พ.ย.ปีที่แล้ว โดยเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 25%"
นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับมาตรการปฏิรูปภาษีของสหรัฐ หลังจากที่หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานว่า แกนนำพรรครีพับลิกันในวุฒิสภากำลังพิจารณาที่จะเลื่อนการบังคับใช้มาตรการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลออกไป
นอกจากนี้ นักลงทุนวิตกว่า ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกันอาจจะเผชิญกับความยากลำบากในการผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ และอาจถูกขัดขวางจากกลุ่มผู้ที่เสียผลประโยชน์ เนื่องจากร่างกฎหมายฉบับนี้มีแนวโน้มที่จะยกเลิกการลดย่อนภาษีหลายรายการ
คณะกรรมาธิการพิจารณาวิธีการจัดหารายได้ของสภาผู้แทนราษฎร (Committee on Ways and Means) กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของพรรครีพับลิกัน โดยร่างกฎหมายดังกล่าวครอบคลุมถึงการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงสู่ระดับ 20% จากปัจจุบันที่ระดับ 35% และลดจำนวนขั้นบันไดในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จาก 7 ขั้น เหลือเพียง 4 ขั้น คือ 12%, 25%, 35% และ 39.6%
นอกจากนี้ ร่างกฎหมายปฏิรูปภาษียังระบุว่า จะจัดเก็บภาษี 10% สำหรับสาขาในต่างประเทศที่ทำกำไรได้มาก เพื่อสกัดพฤติกรรมของบริษัทเอกชนในการโอนกำไรไปยังต่างประเทศ และจำกัดเพดานการหักลดหย่อนภาษีอสังหาริมทรัพย์ของรัฐ และท้องถิ่นที่ระดับ 10,000 ดอลลาร์
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการ และข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังเกาะติดการเดินทางเยือนภูมิภาคเอเชียของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งขณะนี้อยู่ที่กรุงปักกิ่งของจีน หลังจากสิ้นสุดการเดินทางเยือนเกาหลีใต้
ทางด้าน Snap Inc บริษัทแม่ของ Snapchat ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นในกล้องถ่ายรูปที่ทำให้ผู้ใช้สามารถส่งภาพและวิดีโอ เปิดเผยในวันนี้ว่า เทนเซนต์ ซึ่งเป็นบริษัทอินเทอร์เน็ตของจีน ได้เข้าซื้อหุ้น 10% ใน Snap เป็นจำนวน 145.8 ล้านหุ้น
เทนเซนต์เป็นเจ้าของแอพพลิเคชั่น WeChat รวมทั้งแพลทฟอร์มการชำระเงินในระบบออนไลน์ และเกมส์
เทนเซนต์เปิดเผยในช่วงต้นปีนี้ว่า ทางบริษัทได้เข้าซื้อหุ้นจำนวน 5% ในบริษัทเทสลา อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของสหรัฐ
รายงานการซื้อหุ้นดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่เมื่อวานนี้ Snap เปิดเผยว่า บริษัทประสบภาวะขาดทุน 443.2 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 จากการชะลอตัวของรายได้ และจำนวนผู้ใช้งาน ขณะที่เผชิญการแข่งขันกับคู่แข่งในตลาด เช่น Instagram และ WhatsApp
นอกจากนี้ รายงานดังกล่าวยังมีขึ้น ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเดินทางเยือนจีน ซึ่งบริษัทสหรัฐและจีนได้ลงนามในข้อตกลงมูลค่า 9 พันล้านดอลลาร์