ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 165.52 จุด วิตกนโยบายการค้าสหรัฐไม่แน่นอน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 28, 2018 06:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (27 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าที่สหรัฐจะนำมาบังคับใช้กับจีน หลังจากเจ้าหน้าที่สหรัฐได้ออกมาส่งสัญญาณที่สร้างความสับสนให้กับตลาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มการเงิน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,117.59 จุด ร่วงลง 165.52 จุด หรือ -0.68% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,699.63 จุด ลดลง 23.43 จุด หรือ -0.86% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,445.08 จุด ลดลง 116.54 จุด หรือ -1.54%

นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าสหรัฐ โดยในช่วงที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดทำการซื้อขายนั้น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า เขาจะมอบหมายให้คณะกรรมการการลงทุนของต่างประเทศในสหรัฐ (CFIUS) เป็นผู้ดูแลในกรณีที่บริษัทต่างชาติซึ่งรวมถึงจีนนั้น ต้องการจะซื้อกิจการของบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐที่มีความอ่อนไหว โดยตลาดมองว่า การตัดสินใจดังกล่าวถือว่าไม่เข้มงวดเหมือนกับที่เคยประกาศก่อนหน้านี้ว่าสหรัฐจะใช้มาตรการสกัดกั้นบริษัทที่มีชาวจีนถือหุ้นมากกว่า 25% เข้าซื้อบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐ

แต่ในเวลาต่อมา นายแลรี คุดโลว์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาวได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์ บิสิเนส เน็ตเวิร์ค ว่า แผนการที่ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศไปนั้น ไม่ได้บ่งชี้ว่าสหรัฐจะอ่อนข้อให้กับจีน

ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่สหรัฐได้ออกมาส่งสัญญาณที่สร้างความสับสนในลักษณะเดียวกัน โดยเมื่อไม่นานมานี้ นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐกล่าวว่า สหรัฐเตรียมออกแถลงการณ์จำกัดการลงทุนต่อทุกประเทศทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะจีน หากพบว่าประเทศใดละเมิดสิทธิทรัพย์สินทางปัญญาต่อสินค้าด้านเทคโนโลยีของสหรัฐ แต่ในเวลาต่อมา นายปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาด้านการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาเปิดเผยในทางตรงกันข้ามว่า สหรัฐยังไม่มีแผนการจำกัดการลงทุนจากจีนและประเทศอื่นๆในขณะนี้

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ร่วงลงอย่างหนัก อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับนโยบายการค้าของสหรัฐ โดยหุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 1.6% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทของกูเกิล ลดลง 1.4% หุ้นอเมซอนดอทคอม ร่วงลง 1.8% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ดิ่งลง 2.3% หุ้นอินเทล ร่วงลง 1.8% และหุ้น Nvidia ร่วงลง 3%

หุ้นกลุ่มการเงินร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค ร่วงลง 1.5% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ปรับตัวลง 0.7% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ร่วงลง 1.3% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ลดลง 1% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 1.2% และหุ้นเวลส์ ฟาร์โก ลดลง 0.2%

ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นสวนทางทิศทางตลาด โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่พุ่งขึ้นกว่า 3% เมื่อคืนนี้ หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบที่ลดลงมากกว่าคาด โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 1.3% หุ้นเชฟรอน ดีดขึ้น 1.5% หุ้นมาราธอน ออยล์ เพิ่มขึ้น 2.4% และหุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ทะยานขึ้น 2.6%

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ลดลง 0.6% ในเดือนพ.ค. หลังจากปรับตัวลง 1.0% ในเดือนเม.ย.

ทางด้านสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ลดลง 0.5% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2561 (ประมาณการครั้งสุดท้าย), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ