ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ไหลไม่หยุด ล่าสุดดิ่งกว่า 300 จุด ผวาเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 14, 2019 19:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงต่อเนื่องในวันนี้ ล่าสุดดิ่งลงกว่า 300 จุด บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปรับตัวลงคืนนี้ หลังจากที่ตลาดพันธบัตรสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณเศรษฐกิจถดถอย

ณ เวลา 19.01 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 354 จุด หรือ 1.35% สู่ระดับ 25,960 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดวานนี้พุ่งขึ้น 372.54 จุด หรือ 1.44% หลังจากรัฐบาลสหรัฐประกาศชะลอการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และยังช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะหุ้นของบริษัทที่เข้าไปลงทุนจำนวนมากในจีน เช่น แอปเปิล และอินเทล

หุ้นกลุ่มธนาคารดิ่งลงในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดหุ้นนิวยอร์กวันนี้

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve ในวันนี้ ซึ่งเป็นภาวะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นอยู่สูงกว่าพันธบัตรระยะยาว โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปีดีดตัวเหนืออัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ซึ่งจะบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ณ เวลา 17.48 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี อยู่ที่ระดับ 1.630% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 1.623% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี อยู่ที่ระดับ 2.065%

ราคาพันธบัตร และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะปรับตัวในทิศทางตรงกันข้ามกัน

ทั้งนี้ การเกิดภาวะ inversion ของเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเป็นการส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มเผชิญภาวะถดถอย

นักลงทุนจับตาค่าสเปรดระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี เนื่องจากการเกิดภาวะ inversion ของเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรดังกล่าว ได้บ่งชี้ภาวะถดถอยในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา

ตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve ครั้งล่าสุดในเดือนธ.ค.2548 โดยเกิดขึ้น 2 ปีก่อนที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยอันเนื่องจากวิกฤตการเงิน

ผลการสำรวจพบว่า หลังจากตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve โดยเฉลี่ยราว 22 เดือน เศรษฐกิจสหรัฐก็จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยตามมา

ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า เขาตัดสินใจชะลอการเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนออกไปเป็นวันที่ 15 ธ.ค. เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดผลกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอยของชาวสหรัฐในช่วงเทศกาลคริสต์มาส

ทั้งนี้ สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ชะลอการเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนออกไปเป็นวันที่ 15 ธ.ค. จากเดิมที่มีกำหนดในวันที่ 1 ก.ย. พร้อมกับถอดสินค้าบางประเภทออกจากบัญชีรายการสินค้าของจีนที่จะถูกเรียกเก็บภาษีครั้งใหม่

USTR ระบุถึงปัจจัยด้านสุขภาพ, ความปลอดภัย และความมั่นคงแห่งชาติ ในการถอดสินค้าจากบัญชีรายการสินค้าดังกล่าว โดยสินค้าเหล่านี้จะไม่ถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นอีก 10%

นอกจากนี้ USTR ยังได้ระบุว่า การเก็บภาษีต่อสินค้าประเภทอื่นจะมีการชะลอออกไปจนถึงวันที่ 15 ธ.ค.

ทั้งนี้ สินค้าที่ได้รับการชะลอการจัดเก็บภาษี ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ แล็ปท็อปคอมพิวเตอร์ คอนโซลวิดีโอเกม ของเล่น จอมอนิเตอร์ รองเท้า และเสื้อผ้า

การประกาศดังกล่าวของ USTR มีขึ้น ก่อนที่เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนมีกำหนดเจรจาการค้าในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ