ดาวโจนส์บวกกว่า 200 จุด หลังบอนด์ยีลด์สหรัฐฟื้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 16, 2019 20:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 200 จุดในช่วงเปิดตลาดวันนี้ หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐดีดตัวขึ้น ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ขณะเดียวกันนักลงทุนยังคงจับตาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอย่างใกล้ชิด

ณ เวลา 20.35 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 25,792.22 จุด บวก 212.83 จุด หรือ 0.83%

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งทันทีที่เปิดตลาดวันนี้ ภายหลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐดีดตัวขึ้น ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังจากที่ตลาดพันธบัตรเกิดภาวะ inverted yield curve เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งเป็นภาวะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นอยู่สูงกว่าพันธบัตรระยะยาว อันบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอย่างใกล้ชิด โดยล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ได้แสดงความเชื่อมั่นว่าจีนต้องการที่จะบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐ และเชื่อว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนจะเกิดขึ้นแค่ในระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น

ปธน.ทรัมป์เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวที่สนามบินในรัฐนิวเจอร์ซีย์ในวันพฤหัสบดีตามเวลาสหรัฐว่า "ผมคิดว่าการปรึกษาหารือกับจีนเป็นไปในทางที่ดีมาก จีนต้องการทำข้อตกลงการค้ากับสหรัฐ และผมเชื่อว่า สงครามการค้าจะเกิดขึ้นแค่ในระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น" พร้อมกับกล่าวว่า เขามีกำหนดหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงในเร็วๆนี้ แต่ไม่ได้เปิดเผยว่าเมื่อใด

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยแล้วก่อนตลาดหุ้นเปิดทำการ ได้แก่ ตัวเลขเริ่มสร้างบ้านเดือนก.ค. ซึ่งลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน อย่างไรก็ดี การอนุญาตก่อสร้างพุ่งขึ้น

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านลดลง 4% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.191 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นการปรับตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 จากระดับ 1.241 ล้านยูนิตในเดือนมิ.ย. เนื่องจากการก่อสร้างอพาร์ทเมนท์ปรับตัวลดลง ประกอบกับผลกระทบจากพายุโซนร้อนแบร์รีที่พัดถล่มรัฐหลุยเซียน่า เมื่อช่วงกลางเดือนก.ค.

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านจะดีดขึ้นสู่ระดับ 1.257 ล้านยูนิตในเดือนก.ค. ขณะที่ตัวเลขของเดือนมิ.ย.ถูกปรับทบทวนลงจากรายงานก่อนหน้านี้ซึ่งระบุว่าอยู่ที่ 1.253 ล้านยูนิต

ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านสำหรับครอบครัวเดี่ยว ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนขนาดใหญ่ที่สุดในตลาดที่อยู่อาศัย เพิ่มขึ้น 1.3% สู่ระดับ 876,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน อย่างไรก็ตาม การก่อสร้างบ้านสำหรับหลายครอบครัว ซึ่งรวมถึงอพาร์ทเมนท์และคอนโดมิเนียม ร่วงลง 16.2% สู่ระดับ 315,000 ยูนิตในเดือนก.ค.

ขณะเดียวกัน กระทรวงรายงานว่า การอนุญาตก่อสร้างบ้านทะยานขึ้น 8.4% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2560 มาอยู่ที่ระดับ 1.336 ล้านยูนิตในเดือนก.ค.

โดยการอนุญาตก่อสร้างบ้านสำหรับครอบครัวเดี่ยวเพิ่มขึ้น 1.8% สู่ระดับ 838,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน ส่วนการอนุญาตก่อสร้างบ้านสำหรับหลายครอบครัวพุ่งขึ้น 21.8% สู่ระดับ 498,000 ยูนิต

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐอีกรายการในคืนนี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนส.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ