ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงอย่างต่อเนื่องในวันนี้ ล่าสุดดิ่งลงกว่า 250 จุด ท่ามกลางความไม่มั่นใจต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ณ เวลา 23.47 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 26,926.80 จุด ลบ 259.89 จุด หรือ 0.96%
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่จีนมีความไม่มั่นใจเกี่ยวกับการทำข้อตกลงการค้าในระยะยาวกับสหรัฐ
นอกจากนี้ การที่ประธานาธิบดีเซบาสเตียน ปิเญร่า ผู้นำชิลี ประกาศยกเลิกการประชุมสุดยอดกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นที่เมืองซานติอาโกในเดือนหน้า ท่ามกลางเหตุการณ์จลาจลที่เกิดขึ้นในประเทศ ก็ได้สร้างความไม่แน่นอนต่อการบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีน เนื่องจากมีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน จะลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกในการประชุมเอเปค
อย่างไรก็ดี ทำเนียบขาวยืนยันว่า สหรัฐและจีนจะยังคงหาทางบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกภายในกรอบเวลาที่กำหนด แม้ว่าชิลียกเลิกการประชุมเอเปกในเดือนหน้าก็ตาม
"เราหวังที่จะได้ข้อสรุปต่อการทำข้อตกลงการค้าครั้งประวัติศาสตร์ในเฟสแรกกับจีนภายในกรอบเวลาเดิม" แถลงการณ์ระบุ ซึ่งบ่งชี้ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะลงนามในข้อตกลงการค้าในเดือนหน้า แม้ไม่มีการประชุมเอเปคก็ตาม
ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ ระบุว่า ในอีกไม่ช้า เขาจะประกาศสถานที่ซึ่งเขาจะลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับผู้นำจีน
"จีนและสหรัฐกำลังดำเนินการร่วมกันในการคัดเลือกสถานที่ใหม่ในการลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรก ซึ่งจะมีเนื้อหา 60% ของข้อตกลงการค้าทั้งหมด หลังจากการประชุมเอเปคในชิลีได้ถูกยกเลิกไป และผมจะประกาศสถานที่ใหม่ในไม่ช้า ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงจะเป็นผู้ลงนามในข้อตกลงดังกล่าว" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ในวันพรุ่งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 85,000-89,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 136,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ส่วนอัตราการว่างงานคาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.6% จาก 3.5% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปี
นักวิเคราะห์ระบุว่า การดิ่งลงของตัวเลขการจ้างงาน และการเพิ่มขึ้นของอัตราการว่างงาน มีสาเหตุจากการผละงานประท้วงเป็นเวลา 40 วันของพนักงานบริษัทเจเนอรัล มอเตอร์ (GM) จำนวน 46,000 คน ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐมองว่าพนักงานที่ทำการประท้วงโดยไม่ได้รับเงินเดือนจะถูกนับเป็นผู้ว่างงาน
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 5,000 ราย สู่ระดับ 218,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 215,000 ราย
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% เช่นกันในเดือนส.ค.
การใช้จ่ายของผู้บริโภคได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อรถยนต์ และการใช้จ่ายด้านการรักษาสุขภาพ
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ทรงตัวเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน
ดัชนี PCE ถูกกดดันจากการร่วงลงของราคาพลังงาน และภาคบริการ
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE เพิ่มขึ้น 1.3% ในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือนส.ค.
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ ทรงตัวในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE พื้นฐานแตะระดับ 1.7% หลังจากเพิ่มขึ้น 1.8% ในเดือนส.ค.