ดัชนีดาวโจนส์พุ่งกว่า 300 จุด ทะลุระดับ 29,000 จุดในวันนี้ โดยปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 3 ขานรับข่าวที่ว่า นักวิทยาศาสตร์สามารถคิดค้นยาและวัคซีนต้านเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
ณ เวลา 21.53 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 29,128.33 จุด บวก 320.70 จุด หรือ 1.11%
หนังสือพิมพ์ฉางเจียงของจีนรายงานว่า ทีมคณะนักวิจัยของศาสตราจารย์หลี่ หลานจวน จากมหาวิทยาลัยเจ่อเจียง ซึ่งเป็นกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของจีนในการคิดค้นยาต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ได้ประกาศความสำเร็จครั้งใหญ่ในการวิจัยดังกล่าว
ศาสตราจารย์หลี่กล่าวว่า ผลการทดสอบเบื้องต้นพบว่า ยา Abidol และ Darunavir สามารถยับยั้งเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อย่างมีประสิทธิภาพในการทดสอบเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อในระดับเซลล์
ขณะนี้ศาสตราจารย์หลี่ได้นำบุคลากรทางการแพทย์จากมณฑลเจ่อเจียงไปยังมณฑลหูเป่ยแล้ว โดยหวังที่จะพัฒนาการรักษาอย่างฉุกเฉินต่อผู้ติดเชื้อรายใหม่
ศาสตราจารย์หลี่ยังระบุว่า ยา Kelizhi ที่ใช้ต้านไวรัส HIV ไม่มีประสิทธิภาพมากนักในการต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และมักทำให้เกิดอาการข้างเคียง
ศาสตราจารย์หลี่แนะนำให้คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) นำยา Abidol และ Darunavir เข้าไปในโครงการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
ทางด้านนายเฉิน ซัวปิง ซึ่งเป็นนักวิจัยในทีมของศาสตราจารย์หลี่ กล่าวว่า ขณะนี้มณฑลเจ่อเจียงมีการใช้ยาสองตัวดังกล่าวในการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และจะมีการใช้ยาดังกล่าวทดแทนยาที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่าต่อไป
นอกจากนี้ นายเฉินยังแนะนำว่า ผู้ที่จะใช้ยา Abidol และ Darunavir ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์
ขณะเดียวกัน สำนักข่าวสกายนิวส์รายงานว่า นักวิทยาศาสตร์อังกฤษจากอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน ประสบความสำเร็จในการคิดค้นวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยสามารถร่นระยะเวลาในการพัฒนาวัคซีนจากเดิมที่ต้องใช้เวลา 2-3 ปี เหลือเพียง 14 วัน
อย่างไรก็ดี องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า ขณะนี้ ยังไม่มียาที่จะใช้รักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสดังกล่าว
"ขณะนี้ยังไม่มีการรักษาใดๆที่มีประสิทธิภาพที่เป็นที่รู้กันในการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส 2019-nCoV และ WHO กำลังทำการวิจัยต้นแบบการทดลองทางการแพทย์ทั่วโลก" แถลงการณ์ระบุดัชนีดาวโจนส์ยังได้ปัจจัยหนุน หลังจากออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐพุ่งขึ้น 291,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2558 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 150,000 ตำแหน่ง จากระดับ 199,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค.
การจ้างงานในภาคบริการเพิ่มขึ้น 237,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. ส่วนการจ้างงานในภาคการผลิตเพิ่มขึ้น 54,000 ตำแหน่ง
นักลงทุนจับตาวุฒิสภาสหรัฐซึ่งจะลงมติต่อญัตติถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกจากตำแหน่งในวันนี้ เวลา 16.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือเช้าวันพรุ่งนี้ เวลา 04.00 น.ตามเวลาไทย
อย่างไรก็ดี คาดว่าวุฒิสภาจะลงมติคัดค้านการถอดถอนปธน.ทรัมป์ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากสมาชิกพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา ขณะที่การลงมติจำเป็นต้องใช้เสียง 2 ใน 3 ของวุฒิสมาชิกจำนวน 100 คน ส่งผลให้พรรคเดโมแครตมีแนวโน้มประสบความพ่ายแพ้ในความพยายามถอดถอนปธน.ทรัมป์ออกจากตำแหน่ง
ก่อนหน้านี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.เห็นชอบต่อการถอดถอนปธน.ทรัมป์ใน 2 ข้อหา ซึ่งได้แก่ การใช้อำนาจในทางมิชอบ และขัดขวางกระบวนการสอบสวนของสภาคองเกรส ซึ่งทำให้ปธน.ทรัมป์กลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 3 ที่ถูกสภาผู้แทนฯ ลงมติถอดถอนอย่างเป็นทางการ และเผชิญกับการไต่สวนในวุฒิสภา
นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ได้เริ่มกระบวนการไต่สวนเพื่อถอดถอนปธน.ทรัมป์อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนต.ค.ปีที่แล้ว หลังจากมีรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เพื่อกดดันให้มีการสอบสวนนายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ และบุตรชายของเขา ซึ่งมีการทำธุรกิจในยูเครน โดยการกระทำดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการเปิดทางให้รัฐบาลต่างชาติเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งในสหรัฐ
นายไบเดนเป็นหนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต และถือเป็นคู่แข่งคนสำคัญของปธน.ทรัมป์ ซึ่งหากนายไบเดนถูกสกัดให้ออกจากการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย. ปธน.ทรัมป์ก็มีแนวโน้มสูงที่จะได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอีกสมัย