ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบกว่า 100 จุด ส่งสัญญาณวอลล์สตรีทร่วงต่อคืนนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 19, 2020 18:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงกว่า 100 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปรับตัวลงในคืนนี้ ต่อเนื่องจากที่ดิ่งลงเมื่อวานนี้

ณ เวลา 18.39 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 120 จุด หรือ 0.41% สู่ระดับ 29,271 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลงกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการใช้มาตรการคุมเข้มเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ โดยล่าสุด นครนิวยอร์กประกาศปิดโรงเรียนรัฐบาลทุกแห่ง หลังจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความกังวลในเรื่องดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากข่าวความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์

ไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐ และ BioNTech ซึ่งเป็นบริษัทยาของเยอรมนี แถลงว่า ผลการวิเคราะห์ข้อมูลในขั้นสุดท้ายบ่งชี้ว่า วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งทั้งสองบริษัทพัฒนาร่วมกัน มีประสิทธิภาพ 95% ในการป้องกันไวรัสโควิด-19

ไฟเซอร์เปิดเผยว่า ทางบริษัทจะยื่นขออนุมัติการใช้วัคซีนดังกล่าวต่อสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ในอีกไม่กี่วัน ขณะที่บริษัทคาดว่าจะผลิตวัคซีนจำนวน 50 ล้านโดสในปีนี้ และ 1,300 ล้านโดสในปีหน้า

ทางด้านบริษัทโมเดอร์นา อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของสหรัฐ แถลงว่า ผลการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในเฟสที่ 3 พบว่า วัคซีนดังกล่าวมีประสิทธิภาพ 94.5% ในการป้องกันไวรัสโควิด-19

นายแพทริก สเปนเซอร์ รองประธานของวาณิชธนกิจไบรด์ กล่าวว่า ดัชนีดาวโจนส์มีแนวโน้มพุ่งแตะระดับ 40,000 จุดในปีหน้า

"เราได้พูดคุยกันในบริษัทว่าดาวโจนส์อาจแตะ 40,000 จุดในปีหน้า เนื่องจากดัชนีดาวโจนส์ประกอบด้วยหุ้น value มากกว่าหุ้น growth โดยหุ้น value จะปรับตัวโดดเด่นขึ้น และหุ้น growth จะปรับตัวอย่างมีเสถียรภาพ" นายสเปนเซอร์กล่าวในรายการ Street Signs Europe ของสถานีโทรทัศน์ CNBC

ทั้งนี้ หุ้น value เป็นหุ้นกลุ่มที่มีการซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง และจะปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งในระยะนี้ หุ้น value ได้ดีดตัวขึ้น ขานรับความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวขึ้น ส่วนหุ้น growth เป็นหุ้นกลุ่มที่ได้รับการคาดการณ์ว่าจะมีการขยายตัวมากกว่าอัตราเฉลี่ยในตลาด เช่น หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

นอกจากนี้ นายสเปนเซอร์ยังกล่าวว่า ขณะนี้ยังคงมีเงินจำนวนมากรอเข้าลงทุนในตลาดหุ้น โดยมีเงินทุนมากถึง 6.5 ล้านล้านดอลลาร์พักอยู่ในบัญชีตลาดเงิน โดยส่วนหนึ่งเป็นเงินสด และอีกส่วนหนึ่งเป็นเงินทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น

อย่างไรก็ดี นายสเปนเซอร์ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับเป้าหมายดัชนี และกำหนดเวลาที่ดาวโจนส์จะแตะระดับ 40,000 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดวานนี้ที่ระดับ 29,438.42 จุด และได้พุ่งขึ้นกว่า 4% นับตั้งแต่ต้นปีนี้

หากดัชนีดาวโจนส์พุ่งแตะระดับ 40,000 จุดในปีหน้า ก็จะเป็นการทะยานขึ้น 35% จากระดับปัจจุบัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ