ดาวโจนส์เปิดปี 66 แดนบวก "เทสลา" ร่วงสวนทางตลาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 3, 2023 21:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นในวันนี้ ซึ่งเป็นการซื้อขายวันแรกของปี 2566

ณ เวลา 21.33 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 33,226.61 จุด บวก 79.36 จุด หรือ 0.24%

อย่างไรก็ดี ราคาหุ้นของบริษัทเทสลา อิงค์ ร่วงลง 5% สวนทางตลาด หลังบริษัทส่งมอบรถยนต์ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 4/2565

ทั้งนี้ เทสลาส่งมอบรถยนต์ 405,278 คันในไตรมาส 4 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 308,600 คันในช่วงเดียวกันของปี 2564 แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 409,000-433,000 คัน

นอกจากนี้ ราคาหุ้นเทสลายังได้รับผลกระทบจากการที่เกาหลีใต้สั่งปรับบริษัทเป็นจำนวนเงิน 2.85 พันล้านวอน (2.2 ล้านดอลลาร์) หรือราว 76 ล้านบาท เนื่องจากเทสลาได้โฆษณาเกินจริงเกี่ยวกับระยะการขับขี่ของรถยนต์จากการชาร์จเพียงครั้งเดียว โดยไม่ได้แจ้งให้ผู้ซื้อทราบว่ารถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของเทสลาจะมีระยะการขับขี่สั้นกว่าปกติในสภาพอากาศหนาวเย็น โดยมีระยะสั้นลงถึง 50.5% เมื่อเทียบกับที่บริษัทได้โฆษณา

สำหรับการซื้อขายในปีที่แล้ว ตลาดหุ้นวอลล์สตรีททำสถิติดิ่งลงมากที่สุดเมื่อเทียบรายปีนับตั้งแต่ปี 2551 หลังจากที่ดีดตัวขึ้น 3 ปีติดต่อกัน โดยดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 8.8% ส่วนดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ทรุดตัวลง 19.4% และ 33.1% ตามลำดับ โดยเป็นครั้งแรกที่ดัชนีทั้ง 3 ร่วงลงเมื่อเทียบรายปีนับตั้งแต่ปี 2561

หุ้นกลุ่มสื่อสารเป็นกลุ่มที่ทรุดตัวลงหนักที่สุดในปีที่แล้ว โดยดิ่งลงกว่า 40% ขณะที่กลุ่มพลังงานเป็นกลุ่มเดียวที่ปรับตัวขึ้น โดยพุ่งขึ้นเกือบ 58%

สำหรับทิศทางของตลาดในปี 2566 นักวิเคราะห์แสดงความเห็นว่าตลาดยังคงถูกกดดันจากเงินเฟ้อ ความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์จากสงครามรัสเซีย-ยูเครน และความขัดแย้งในช่องแคบไต้หวัน รวมทั้งแนวโน้มการกลับมาแพร่ระบาดของโควิด-19 หลังจากที่จีนผ่อนคลายมาตรการโควิดเป็นศูนย์ และกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง

"สิ่งที่เกิดขึ้นในปี 2565 ถูกผลักดันโดยเฟดจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและปรับลดขนาดงบดุล ส่วนในปี 2566 ผมคิดว่าเฟดจะไม่ได้เป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนตลาด แต่จะเป็นเรื่องของบริษัทจดทะเบียน และปัจจัยพื้นฐาน โดยบริษัทที่มีผลประกอบการดีจะดีดตัวขึ้น" นายแพทริก อาร์มสตรอง หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Plurimi Wealth LLP กล่าว

นักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ รายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำเดือนธ.ค.ที่จะมีการเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐประจำเดือนธ.ค.ในวันศุกร์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ