นักวิเคราะห์จากหลายสำนัก ซึ่งรวมถึงโนมูระ ซิเคียวริตีส์ (Nomura Securities) คาดการณ์ว่า ชัยชนะของ ซานาเอะ ทาคาอิจิ ในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ซึ่งปูทางสู่การขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของญี่ปุ่นนั้น จะเป็นปัจจัยหนุนดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียว
นักวิเคราะห์มองว่า การที่ทาคาอิจิมีจุดยืนสนับสนุนการกระตุ้นเศรษฐกิจจะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่น และการที่เธอสนับสนุนการผ่อนคลายนโยบายการเงินและการคลังนั้น อาจลดโอกาสที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมช่วงปลายเดือนนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนตลาดหุ้นเช่นกัน
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า โอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่น้อยลงของ BOJ จะส่งผลให้สกุลเงินเยนอ่อนค่าลง ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มส่งออกในตลาดหุ้นญี่ปุ่น แต่แนวโน้มดอกเบี้ยขาลงจะสร้างแรงกดดันต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร ส่วนหุ้นที่ต้องพึ่งพาอุปสงค์ภายในประเทศและหุ้นบริษัทขนาดเล็กคาดว่าจะได้รับแรงหนุนอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากนักลงทุนจะให้การตอบรับทุกสัญญาณที่เกี่ยวข้องกับนโยบาย "อาเบะโนมิกซ์ (Abenomics)" ที่ริเริ่มโดยอดีตนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ
อาเบะโนมิกซ์ คือนโยบายที่มีเป้าหมายฟื้นฟูเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่ซบเซามายาวนานและต่อสู้กับภาวะเงินฝืด (Deflation) โดยนโยบายประกอบด้วย "ลูกศร 3 ดอก" หรือ "Three Arrows" ซึ่งได้แก่การดำเนินนโยบายผ่อนคลายการเงินเชิงรุก การใช้จ่ายด้านการคลังมูลค่ามหาศาลเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ และกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชน
ชัยชนะของทาคาอิจิซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับความไว้วางใจจากอดีตนายกรัฐมนตรีอาเบะ ได้กระตุ้นให้เกิดมุมมองที่ว่ารัฐบาลภายใต้การนำของเธอจะนำพาญี่ปุ่นกลับไปสู่ยุคอาเบะโนมิกซ์อีกครั้ง โดยที่ผ่านมานั้น เธอผลักดันให้มีการแจกเงินสดและส่วนลดภาษีให้กับประชาชน เพื่อช่วยเหลือครัวเรือนที่ประสบปัญหา
ทาคาอิจิ วัย 64 ปี ซึ่งเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในของญี่ปุ่น ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค LDP เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (4 ต.ค.) โดยสามารถเอาชนะ ชินจิโร โคอิซูมิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร โดยการชนะเลือกตั้งครั้งนี้ทำให้ทาคาอิจิก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค LDP แทนชิเงรุ อิชิบะ และเป็นการปูทางสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศ
โทโมฮิโกะ ทานิงูจิ อดีตที่ปรึกษาพิเศษของคณะรัฐมนตรีในสมัยของอดีตนายกรัฐมนตรีอาเบะ ได้แสดงความเห็นว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในญี่ปุ่นมีความพร้อมสำหรับนายกรัฐมนตรีหญิง โดยทานิงูจิเปิดเผยในรายการ "Squawk Box Asia" ของสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า ถึงเวลาแล้วที่ญี่ปุ่นจะมีนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก ซึ่งสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในช่วง 10-15 ปีที่ผ่านมา โดยเขาระบุถึงจำนวนผู้หญิงชาวญี่ปุ่นที่มีส่วนร่วมในตลาดแรงงานมีมากกว่าในสหรัฐอเมริกา
การแสดงความเห็นของทานิงูจิสอดคล้องกับข้อมูลล่าสุดขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ซึ่งระบุว่า ประมาณ 85% ของผู้หญิงชาวญี่ปุ่นที่มีอายุระหว่าง 25 - 54 ปี ยังคงทำงาน เทียบกับระดับ 78% ในสหรัฐฯ