แอดวานซ์ ไมโคร ดีไวเซส (AMD) บริษัทออกแบบชิปชั้นนำของสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันอังคาร (11 พ.ย.) ว่า บริษัทคาดการณ์รายได้ต่อปีจากกลุ่มชิปสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์จะพุ่งแตะ 1 แสนล้านดอลลาร์ภายใน 5 ปีข้างหน้า ขณะที่กำไรของบริษัทมีแนวโน้มเติบโตขึ้นกว่า 3 เท่า
หลังประกาศดังกล่าว หุ้น AMD ปรับตัวขึ้น 4% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ หลังจากปิดตลาดลดลง 2.7% แตะ 237.52 ดอลลาร์ โดยตั้งแต่วันที่ 6 ต.ค. หุ้นของบริษัทปรับตัวขึ้นมาแล้ว 16% หลังลงนามในข้อตกลงหลายปีกับโอเพนเอไอ (OpenAI) ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้ต่อปีให้บริษัทเป็นมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์
ลิซ่า ซู ซีอีโอของ AMD เปิดเผยว่า ตลาดชิปดาต้าเซ็นเตอร์มีแนวโน้มเติบโตแตะ 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2573 โดยปัจจัยสำคัญมาจากการเติบโตของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งตลาดนี้ครอบคลุมทั้งชิปประมวลผลทั่วไป ชิปสำหรับเครือข่าย และชิป AI ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ
ซูย้ำว่า นี่คือโอกาสทางการตลาดที่น่าตื่นเต้น ชิปดาต้าเซ็นเตอร์คือพื้นที่เติบโตที่มากที่สุด และ AMD มีความพร้อมเต็มที่สำหรับตลาดนี้
แม้ข้อตกลงดังกล่าวอาจยังไม่สามารถสั่นคลอนความเป็นเจ้าตลาดชิป AI ของคู่แข่งอย่างอินวิเดีย (Nvidia) ได้ในทันที แต่ก็ถือเป็นการแสดงความเชื่อมั่นครั้งสำคัญในผลิตภัณฑ์ของ AMD และการคาดการณ์ทางการเงินในเชิงบวกครั้งนี้ยังช่วยบรรเทาความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับความสามารถในการแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดของบริษัทได้เป็นอย่างดี
จีน ฮู ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (CFO) ระบุเพิ่มเติมว่า ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า AMD คาดว่าธุรกิจในภาพรวมจะเติบโตเฉลี่ย 35% ต่อปี และธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์จะเติบโตถึง 60% ต่อปี โดยบริษัทคาดว่ากำไรต่อหุ้นจะเพิ่มขึ้นเป็น 20 ดอลลาร์ต่อหุ้นในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าที่ LSEG คาดการณ์กำไรของ AMD ในปี 2568 ที่ 2.68 ดอลลาร์ต่อหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ด้านเจนเซน หวง ซีอีโอของอินวิเดีย ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่ง ระบุว่า ตลาดโครงสร้างพื้นฐาน AI ทั้งหมดมีแนวโน้มเติบโตแตะ 3-4 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2573