ไชน่า ว่านเคอ (China Vanke) ยักษ์ใหญ่อสังหาริมทรัพย์จีน รอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้ได้อย่างหวุดหวิดในวันนี้ (22 ธ.ค.) หลังผู้ถือหุ้นกู้ในประเทศมีมติอนุมัติให้ขยายระยะเวลาผ่อนผัน (Grace Period) การชำระคืนหุ้นกู้มูลค่า 2,000 ล้านหยวน (ราว 284 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ออกไปก่อน
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ผู้ถือหุ้นกู้ยังคงปฏิเสธข้อเสนอของบริษัทที่ขอเลื่อนกำหนดชำระคืนเงินต้นออกไปอีก 1 ปี แม้ว่านเคอซึ่งมีรัฐบาลจีนสนับสนุน จะพยายามจูงใจด้วยการเสนอว่าจะชำระดอกเบี้ยที่ค้างอยู่ทั้งหมดให้เสร็จสิ้นภายในวันนี้ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของระยะเวลาผ่อนผันเดิมก็ตาม
หุ้นกู้ดังกล่าวครบกำหนดไถ่ถอนไปตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค. โดยก่อนหน้านี้ผู้ถือหุ้นกู้เคยลงมติไม่ยอมรับข้อเสนอขอเลื่อนชำระหนี้ของว่านเคอมาแล้วครั้งหนึ่ง
เมื่อระยะเวลาผ่อนผันขยายออกไปเป็น 30 วันทำการ ว่านเคอจะมีเวลาจนถึงวันที่ 27 ม.ค. 2569 เพื่อเจรจาหาข้อตกลงใหม่กับผู้ถือหุ้นกู้เรื่องเงื่อนไขการเลื่อนชำระหนี้ หากตกลงกันไม่ได้ บริษัทจะต้องผิดนัดชำระหนี้และอาจถูกบังคับให้ต้องจ่ายหนี้สินทั้งหมดที่มีอยู่ทันที
นับตั้งแต่บริษัท ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ (China Evergrande) ก่อให้เกิดวิกฤตหนี้ในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา ผู้พัฒนาอสังหาฯ หลายรายต่างทยอยประสบปัญหาไม่สามารถชำระคืนหุ้นกู้ได้ จนสั่นคลอนความเชื่อมั่นในตลาดมาโดยตลอด
นักวิเคราะห์มองว่า การที่ว่านเคอเน้นทำธุรกิจในกลุ่มเมืองระดับแนวหน้าของจีนอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ซื้อบ้านในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ราคาบ้านเพิ่งเริ่มทรงตัว และอาจซ้ำเติมปัญหาให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ในภาพรวม ซึ่งเคยมีสัดส่วนสูงถึง 25% ของเศรษฐกิจจีน
นอกจากนี้ ว่านเคอยังมีการลงมติแยกอีกชุดเพื่อขอเลื่อนชำระเงินต้นและดอกเบี้ยหุ้นกู้อีกฉบับมูลค่า 3,700 ล้านหยวน ที่จะครบกำหนดในวันที่ 28 ธ.ค. นี้ออกไป 1 ปี พร้อมขอขยายระยะเวลาผ่อนผันจาก 5 วัน เป็น 30 วันทำการเช่นกัน โดยเริ่มเปิดลงคะแนนตั้งแต่วันจันทร์และจะทราบผลในวันพฤหัสบดีนี้ (25 ธ.ค.) เวลา 14.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
สำหรับการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นวันนี้ ราคาหุ้นว่านเคอในตลาดเซินเจิ้นปิดบวก 0.61% ส่วนในตลาดฮ่องกงลดลง 1.94%
เมื่อสัปดาห์ก่อน ฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch Ratings) เพิ่งปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของว่านเคอลง 2 ขั้น สู่ระดับ "C" ซึ่งหมายถึงสภาวะที่ใกล้จะผิดนัดชำระหนี้ และเตือนว่าจะปรับลดลงสู่ระดับ "ผิดนัดชำระหนี้ในวงจำกัด" (Restricted Default) ทันที หากบริษัทไม่สามารถชำระหนี้ได้เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาผ่อนผัน