ตลาดหุ้นเกิดใหม่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 6 ปีในวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน รวมทั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นตลาดหุ้นเกิดใหม่ของ MSCI ดีดตัวขึ้น 0.6% ในวันนี้ แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2554
"การอ่อนค่าของดอลลาร์เป็นปัจจัยหนุนตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะประเทศในเอเชียที่มีหนี้สุกลดอลลาร์จำนวนมาก รวมทั้งตุรกี และแอฟริกาใต้" นายเจคอป คริสเตนเซน หัวหน้านักวิเคราะห์แผนกตลาดเกิดใหม่ของ Danske Bank กล่าว
ทั้งนี้ ดัชนี SET ตลาดหุ้นไทยปิดตลาดที่ระดับ 1,778.53 จุด เพิ่มขึ้น 24.82 จุด (+1.42%) ทำสถิติปิดตลาดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และในวันนี้ ดัชนี SET ยังสามารถปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 24 ปี และเข้าใกล้ระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 1,789.16 จุด
ทางด้านตลาดหุ้นตุรกีและฟิลิปปินส์พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันนี้ ขณะที่ตลาดหุ้นฮ่องกงดีดตัวสูงสุดในรอบ 1 ทศวรรษ และตลาดหุ้นรัสเซียทะยานขึ้นมากกว่า 1% แตะระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือน
สำหรับในการซื้อขายในปีที่แล้วนั้น ตลาดหุ้นฮ่องกงเป็นตลาดหุ้นขนาดใหญ่ที่ปรับตัวดีที่สุดในเอเชีย โดยดัชนีฮั่งเส็งสามารถพุ่งขึ้นมากกว่า 35% ขณะที่ได้แรงหนุนจากการดีดตัวของหุ้นบูลชิพ
นอกจากนี้ ดัชนีฮั่งเส็งยังสามารถทะยานขึ้นเหนือระดับ 30,000 จุดในปีที่แล้วเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2550
นายแอนดรูว์ คล๊าก ผู้อำนวยการฝ่ายซื้อขายของบริษัทมิราบาวด์ เอเชีย กล่าวว่า ตลาดหุ้นฮ่องกงจะยังคงปรับตัวสดใสในปีนี้ และดัชนีฮั่งเส็งมีแนวโน้มพุ่งขึ้นเหนือระดับ 35,000 จุด นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี สื่อสาร และธนาคาร
ขณะเดียวกัน ดัชนี Kospi ของตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปรับตัวขึ้น 21.63% ในปีที่แล้ว จากอานิสงส์ของเศรษฐกิจโลกที่มีการขยายตัว ซึ่งช่วยหนุนการส่งออกของประเทศ และผลักดันการเพิ่มขึ้นของผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน
นักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี Kospi จะดีดตัวทะลุระดับ 3,000 จุดในปีนี้ ขณะที่รายได้ของบริษัทจดทะเบียนยังคงมีการขยายตัว
นอกจากนี้ ดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามทะยานขึ้น 46.9% ในปีที่แล้ว ขณะที่นักลงทุนพากันเข้าซื้อหุ้น เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ดี MSCI ยังคงจัดสถานะตลาดหุ้นเวียดนามอยู่ในกลุ่มตลาดประเทศชายขอบ (Frontier Market) ที่มีนักลงทุนรายย่อยจำนวนมาก และตลาดมีความผันผวนสูง ขณะที่เจ้าหน้าที่ของเวียดนามกำลังใช้ความพยายามเพื่อให้มีการปรับสถานะขึ้นสู่กลุ่มตลาดเกิดใหม่ ด้วยการเปิดกว้างต่อนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น