สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (23 พ.ค.) หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ยกระดับสงครามการค้าด้วยการเสนอให้เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหภาพยุโรป (EU) ในอัตรา 50% เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.นี้ ส่งผลให้นักลงทุนเทขายดอลลาร์และหลีกเลี่ยงความเสี่ยง
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.85% มาอยู่ที่ระดับ 99.110
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยนญี่ปุ่นอยู่ที่ 142.52 เยนในวันศุกร์ (23 พ.ค.) จาก 144.15 เยนในวันพฤหัสบดี (22 พ.ค.), ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสอยู่ที่ 0.8209 ฟรังก์ จาก 0.8292 ฟรังก์ และดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาอยู่ที่ 1.3721 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.3867 ดอลลาร์แคนาดา
ส่วนยูโรแข็งค่าขึ้นแตะ 1.1360 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.1278 ดอลลาร์ และปอนด์อังกฤษแข็งค่าขึ้นแตะ 1.3531 ดอลลาร์ จาก 1.3423 ดอลลาร์
ดัชนีดอลลาร์แตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ และลดลงรวม 1.9% ตลอดสัปดาห์นี้ ซึ่งถือว่าร่วงลงรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย.
ถ้อยแถลงของทรัมป์บนโซเชียลมีเดียระบุว่า "อียูเป็นพวกที่ต่อรองด้วยยากมาก" และ "การเจรจากับพวกเขาไม่มีความคืบหน้าเลย" พร้อมทั้งขู่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าระดับ 25% ต่อ iPhone ของแอปเปิล (Apple) ที่ไม่ได้ผลิตในสหรัฐฯ รวมถึงสมาร์ตโฟนของซัมซุงและผู้ผลิตรายอื่น ๆ
สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า ถ้อยแถลงของทรัมป์เป็นการตอบโต้ความล่าช้าของ EU ในการเจรจาภาษี โดยมองว่าข้อเสนอการค้าจากฝั่งยุโรปยัง "ไม่ดีพอ"
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ประเด็นหลักที่ถ่วงดอลลาร์ตอนนี้คือความเชื่อมั่นที่ลดลงต่อทิศทางนโยบายของสหรัฐฯ สงครามการค้าที่ดำเนินต่อไปทำให้หลายประเทศต้องกลับมาประเมินการพึ่งพาต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ อีกครั้ง
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ปรับตัวลดลงเช่นเดียวกับค่าเงินดอลลาร์
นักวิเคราะห์บ่งชี้ว่า การที่ดอลลาร์และหุ้นร่วงพร้อมกันแสดงให้เห็นว่า ดอลลาร์ไม่สามารถทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์หลบภัยได้ในปีนี้
ด้านเงินเยนญี่ปุ่นนั้นได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากข้อมูลเศรษฐกิจที่บ่งชี้ว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของญี่ปุ่นในเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้นเร็วที่สุดในรอบกว่า 2 ปี ซึ่งทำให้ตลาดคาดว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งภายในสิ้นปีนี้