มูลค่าตลาดคริปโทเคอร์เรนซีรวมทะยานทะลุ 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นครั้งแรก โดยได้แรงหนุนหลักจากการปรับตัวขึ้นแรงของอัลต์คอยน์ (Altcoins) ซึ่งหมายถึงคริปโทเคอร์เรนซีทุกประเภทที่ไม่ใช่บิตคอยน์ รวมถึงแรงผลักดันจากความคืบหน้าทางกฎหมายของสหรัฐฯ ที่มุ่งกำกับดูแลอุตสาหกรรมนี้อย่างเป็นระบบ
การขยับขึ้นครั้งนี้เกิดขึ้นไม่นานหลังจากการผ่านกฎหมายกลางเกี่ยวกับสเตเบิลคอยน์เป็นครั้งแรก กฎหมายดังกล่าวได้รับการสนับสนุนโดยพรรครีพับลิกันและผลักดันโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยกำหนดให้มีการกำกับดูแลสเตเบิลคอยน์ที่ผูกกับดอลลาร์ทั้งในระดับรัฐบาลกลางและระดับรัฐ เพื่อทำให้ตลาดคริปโทฯ มูลค่า 2.65 แสนล้านดอลลาร์ถูกต้องตามกฎหมาย
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จากซิตี้กรุ๊ปคาดการณ์ว่า ตลาดสเตเบิลคอยน์อาจเติบโตแตะ 3.7 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2573
อัลต์คอยน์เป็นตัวนำการปรับตัวขึ้นรอบล่าสุด โดยอีเธอร์เพิ่มขึ้น 22% ในช่วง 5 วันที่ผ่านมา, ยูนิสวอป (Uniswap) พุ่งขึ้นสูงสุด 24% ในวันศุกร์ ขณะที่โซลานาเพิ่มขึ้นสูงสุด 6.5% ส่วนบิตคอยน์ซึ่งเป็นสินทรัพย์มาตรฐานของตลาดคริปโทฯ ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 123,205 ดอลลาร์เมื่อต้นสัปดาห์ และอยู่ที่ราว 119,570 ดอลลาร์ในวันศุกร์ (18 ก.ค.)
ตลาดออปชันสะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนเพิ่มน้ำหนักการเก็งกำไรราคาคริปโทฯ ที่อาจสูงขึ้นในช่วงสัปดาห์ต่อ ๆ ไป โดยนักวิเคราะห์รายหนึ่งคาดว่า บิตคอยน์จะแตะระดับ 150,000 ดอลลาร์อย่างแน่นอน ขณะที่บิตคอยน์ยังคงครองสัดส่วนราว 60% ของมูลค่าตลาดคริปโทฯ ทั้งหมด
กระแสเงินลงทุนยังคงหลั่งไหลเข้าสู่กองทุน ETF คริปโทฯ ที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกองทุนบิตคอยน์ซึ่งดึงดูดเงินไหลเข้าถึง 5.5 พันล้านดอลลาร์ในเดือนก.ค. ส่วนกองทุนอีเธอร์มีเงินไหลเข้าแล้ว 2.9 พันล้านดอลลาร์
นับตั้งแต่มีการเปิดตัวกองทุน ETF บิตคอยน์ ราคาคริปโทฯ ยังคงเคลื่อนไหวตามแนวโน้มที่สอดคล้องกัน และแม้เป็นช่วงฤดูร้อนที่มักซบเซา หากกระแสเงินลงทุนยังต่อเนื่อง บิตคอยน์อาจพุ่งทะลุ 140,000 ดอลลาร์ได้ภายในเดือนก.ย. และมีโอกาสพุ่งแตะ 150,000 ดอลลาร์ในช่วงต้นเดือนต.ค.