สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (7 ก.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวเล็กน้อยในเดือนก.ค.และส.ค.
เงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1239 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1261 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินปอนด์ลดลงแตะระดับ 1.3335 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.3434 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินดอลลาร์ออสเตรเลียลดลงแตะระดับ 0.7671 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7682 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยนที่ระดับ 101.77 เยน จากระดับ 101.96 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9697 ฟรังก์ จากระดับ 0.9696 ฟรังก์ ในขณะที่ขยับขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.2899 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2834 ดอลลาร์แคนาดา
เฟดเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของเฟดทั้ง 12 เขตเมื่อวานนี้ ซึ่งระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวเล็กน้อยในเดือนก.ค.และส.ค. โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ของเฟดทั้ง 12 เขตทั่วประเทศมีการรายงานแรงกดดันจากค่าจ้างที่ค่อนข้างต่ำ และมีแนวโน้มที่จะยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปในช่วงหลายเดือนข้างหน้า
เฟดยังระบุด้วยว่า ในหลายเขตของเฟดมีการรายงานแรงกดดันจากค่าแรงที่เพิ่มขึ้นสำหรับแรงงานทักษะสูง และมีการรายงานปัญหาในการหาผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับการจ้างงานบางตำแหน่ง พร้อมระบุว่า ในภาพรวมนั้น ราคาผู้บริโภคยังคงเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย และการใช้จ่ายของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยในเขตส่วนใหญ่
สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงหลังจากกระทรวงเศรษฐกิจเยอรมนีรายงานเมื่อวานนี้ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค.หดตัวลง 1.5% จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยับลงเพียง 0.3% สะท้อนให้เห็นว่าภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีอ่อนแรงลงในช่วงเริ่มต้นไตรมาส 3
นักลงทุนจับตาการประชุม ECB ในวันนี้ ขณะตลาดคาดการณ์ว่า ECB อาจจะขยายช่วงเวลาในการซื้อพันธบัตร