ดอลลาร์อ่อนค่าลงเทียบเยนในวันนี้ แตะกรอบกลางของ 112 เยน ขณะที่นักลงทุนหันเข้าซื้อเยนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลญี่ปุ่นดีดตัวขึ้น
ณ เวลา 18.56 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ร่วงลง 0.39% สู่ระดับ 112.64 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 0.69% สู่ระดับ 134.36 เยน และร่วงลง 0.31% สู่ระดับ 1.1928 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.18% สู่ระดับ 92.53
ดอลลาร์และยูโรร่วงลงเทียบเยน หลังจากที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ระบุว่า BOJ จะลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรระยะยาวในตลาด ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวดีดตัวขึ้น และทำให้นักลงทุนพากันเข้าซื้อเยน เนื่องจากคาดการณ์ว่าช่องว่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐและญี่ปุ่นจะหดแคบลง
นักวิเคราะห์ระบุว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า BOJ กำลังเตรียมคุมเข้มนโยบายการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่หาทางออกจากนโยบายผ่อนคลายทางการเงินในปัจจุบัน
ทางด้านนายแจน แฮทซิอุซ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์ กล่าวว่า ดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าลงอีกหนึ่งปีในปีนี้ แม้ว่าเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บางรายส่งสัญญาณว่าเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 4 ครั้งในปีนี้
"เรายังคงคาดว่าดอลลาร์จะยังคงอ่อนค่าต่อไป เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ รวมทั้งต่อสกุลเงินในตลาดเกิดใหม่เช่นกัน" นายแฮทซิอุซกล่าว
ที่ผ่านมา การที่ธนาคารกลางของประเทศใดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมักจะส่งผลให้สกุลเงินแข็งค่าขึ้น เนื่องจากจะทำให้นักลงทุนหันเข้ามาซื้อสินทรัพย์ในประเทศดังกล่าวเพื่อหวังผลตอบแทนที่สูงขึ้น อย่างไรก็ดี นายแฮทซิอุซเชื่อว่าขณะนี้ธนาคารกลางหลายแห่งต่างก็เตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงเช่นกัน ซึ่งจะส่งผลทำให้สินทรัพย์ของสหรัฐลดความน่าดึงดูดลง
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ร่วงลงราว 10% ในปีที่แล้ว หลังจากที่ดีดตัวขึ้นหลายปีก่อนหน้านี้ตามการปรับตัวขึ้นของเศรษฐกิจสหรัฐ หลังการทรุดตัวของเศรษฐกิจโลก และขณะนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าดอลลาร์จะอ่อนค่าลงต่อไปในปีนี้ ขณะที่เศรษฐกิจโลกในภูมิภาคต่างๆฟื้นตัวขึ้น
นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กดดันค่าเงินดอลลาร์