ดอลลาร์อ่อนค่าลงในวันนี้ โดยถูกกดดันจากรายงานที่ว่า ทำเนียบขาวสามารถบรรลุข้อตกลงกับสภาคองเกรสในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ส่งผลให้นักลงทุนเทขายดอลลาร์ ซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัย และหันไปซื้อสกุลเงินที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยง
ณ เวลา 19.17 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์อ่อนค่า 0.20% สู่ระดับ 110.63 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 0.04% สู่ระดับ 132.20 เยน และดีดตัวขึ้น 0.17% สู่ระดับ 1.195 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.14% สู่ระดับ 91.69
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนประกาศว่า ทำเนียบขาวสามารถบรรลุข้อตกลงกับสภาคองเกรสในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานในสหรัฐ
ทำเนียบขาวระบุว่า มาตรการดังกล่าวรวมถึงการใช้จ่ายงบประมาณครั้งใหม่วงเงิน 5.79 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งจะรวมทั้งโครงการสร้างถนน สะพาน ทางรถไฟ ปัจจัยพื้นฐานสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และโครงการอื่นๆ
ขณะเดียวกัน นักลงทุนซื้อขายอย่างระมัดระวังก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนพ.ค.ในวันนี้
นักลงทุนจับตากระทรวงพาณิชย์สหรัฐซึ่งจะเปิดเผยดัชนี PCE ประจำเดือนพ.ค.ในวันนี้
ทั้งนี้ ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) จากกระทรวงแรงงาน
นอกจากนี้ ดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ถือเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะรายงานดัชนี PCE พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 30 ปีในวันนี้ โดยคาดว่าดัชนี PCE ทั่วไปพุ่งขึ้น 3.9% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี ขณะที่ดัชนี PCE พื้นฐานพุ่งขึ้น 3.4%
อย่างไรก็ดี ตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นดังกล่าวอาจถูกบิดเบือนจากการเปรียบเทียบกับตัวเลขฐานที่ต่ำผิดปกติในปีที่แล้ว ซึ่งขณะนั้นราคาสินค้าได้ทรุดตัวลง โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และจากการปิดเศรษฐกิจ หลังประกาศมาตรการล็อกดาวน์