China Focus: นายแบงก์จีนเผยการยกเลิกเพดานอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ล่าสุด ส่งผลกระทบในวงจำกัด

ข่าวต่างประเทศ Tuesday July 23, 2013 09:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธนาคารของจีนเชื่อว่า ความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของจีนในการยกเลิกและควบคุมอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารต่างๆนั้น มีแนวโน้มว่า จะไม่ส่งผลกระทบมากนักต่อภาคธนาคาร

ธนาคารกลางจีนประกาศเมื่อเย็นวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า จะยกเลิกเพดานอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ ธนาคารต่างๆจะได้รับการอนุมัติให้ปล่อยเงินกู้พร้อมอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ต้องไม่ต่ำกว่า 70%

นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีนยังได้ยุติการควบคุมอัตราดอกเบี้ยตั๋วเงินคลังและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของสหกรณ์ในชนบท โดยเพดานของอัตราการจำนองบ้านและเพดานของดอกเบี้ยเงินฝากจะยังคงอยู่ในอัตราเดิม

เซียะ หลิงหวู่ หัวหน้าฝ่ายพัฒนากลยุทธ์ของไชน่า เอเวอร์ไบรท์ แบงก์ กล่าวว่า ธนาคารหลางแห่งไม่ได้ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง หลังจากที่ธนาคารกลางจีนได้ปรับเพดานอัตราดอกเบี้ยลงมาอยู่ที่ 30% ซึ่งต่ำกว่าระดับกลาง จากระดับ 20% เมื่อวันที่ 6 ก.ค. 2555

เซียะกล่าวว่า การทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เป็นไปตามกลไกตลาดนั้น คงจะส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อระบบธนาคาร เนื่องจากความต้องการในตลาดเพื่อการระดมทุนยังคงแข็งแกร่ง

แต่คาดว่า คงจะไม่ทุกธนาคารที่จะสามารถทำตามนโยบายดังกล่าวได้ราบรื่น เนื่องจากกฎเกณฑ์ใหม่นี้อาจจะบีบให้ธนาคารต่างๆต้องระดมเงินทุน ด้านนายซง เหลียง รองหัวหน้าฝ่ายพัฒนากลยุทธ์ของแบงก์ ออฟ ไชน่า เชื่อว่า ธนาคารอาจจะต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมทางการเงินที่อิงตลาดมากขึ้นในอนาคต ขณะเดียวกัน ธนาคารเหล่านี้อาจจะต้องจับตาความเสี่ยงด้านสภาพคล่องและงบดุล รวมทั้งเพิ่มอำนาจด้านการตั้งราคาไม่ช้าก็เร็วๆนี้

ปา ชูซง นักเศรษฐศาสตร์ของศูนย์การวิจัยและพัฒนาของครม.จีน กล่าวว่า ส่วนในระยะสั้นนั้น มาตรการเพื่อสร้างกลไกทางการตลาดจะส่งผลกระทบปานกลางต่อธนาคารพาณิชย์เท่านั้น โดยการปฏิรูปนั้นมีแนวโน้มว่า จะมีอิทธิพลต่อโครงสร้างระบบการเงินในระยะยาวกว่านี้

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ระบุว่า การยกเลิกข้อจำกัดในเรื่องเงินกู้นี้ อาจจะนำไปสู่สัดส่วนอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ซึ่งปัจจัยนี้ถูกมองว่าเป็นแหล่งของรายได้ที่สำคัญสำหรับธนาคารของจีน โดยธนาคารชั้นนำ 4 แห่งของรัฐบาลจีน ได้แก่ แบงก์ ออฟ ไชน่า, ไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงก์, ดิ อินดัสเทรียล แอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงก์ ออฟ ไชน่า และดิ อะกริคัลเจอรัล แบงก์ ออฟ ไชน่า จะได้รับผลกระทบด้านลบมากที่สุด เนื่องจากลูกค้ารายใหญ่ๆของธนาคารเหล่านี้คาดว่า จะต้องการให้ต้นทุนในการระดมทุนลดน้อยลง

แต่ธนาคารไชน่า เอเวอร์ไบรท์ แบงก์ ระบุว่า ธนาคารได้เตรียมความพร้อมที่จะปฏิรูปมาตั้งแต่ปีที่แล้ว และกฎเกณฑ์ใหม่นี้ จะผลักดันธนาคารให้ปรับปรุงโครงสร้าง สำนักข่าวซินหัวรายงาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ