Analysis: วิกฤตการคลังล่าสุดของสหรัฐปิดฉากลง แต่บ่มเพาะความขัดแย้งรอบใหม่

ข่าวต่างประเทศ Thursday October 17, 2013 16:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ช่วงหลายสัปดาห์ของความขัดแย้งทางการคลังของที่สั่นคลอนตลาดการเงินทั่วโลกได้ได้ปิดฉากลงแล้ว หลังจากสภาคองเกรสมีมติเห็นชอบผ่านร่างกฎหมายที่จะยุติการปิดหน่วยงานรัฐบาลและเพิ่มเพดานหนี้ในช่วงเช้าวันนี้ ตามเวลาไทย แม้ว่าร่างกฎหมายดังกล่าวจะเป็นการแก้ปมความขัดแย้งทางการคลังระหว่าง 2 พรรคการเมืองของสหรัฐได้ชั่วคราว แต่ก็เป็นการบ่มเพาะจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งครั้งใหม่ในอนาคตอันใกล้นี้

การแก้ปัญหาชั่วคราว

ขณะที่เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็จะถึงกำหนดเส้นตายในวันพฤหัสบดีที่ 17 ต.ค. ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐนั้น สภาผู้แทนราษฎรลงมติ 285 ต่อ 144 ในการรับรองร่างกฎหมายที่ได้ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาด้วยคะแนนเสียง 81 ต่อ 18 มาก่อนหน้านั้นไม่นาน

ภาวะทางตันได้คลี่คลายลง เมื่อมีการบรรลุข้อตกลงจากวุฒิสภาที่มีพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมาก โดยนายแฮร์รี รีด ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาจากพรรคเดโมแครต และนายมิทช์ แมคคอนแนล ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาจากพรรครีพับลิกัน ได้ประกาศข้อตกลงในระดับผู้นำวุฒิสภา ซึ่งเป็นการประนีประนอมระหว่างสองพรรค

ข้อตกลงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากช่วงวันที่สับสน เมื่อบรรดาผู้นำพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรพยายามที่จะบรรลุข้อตกลงร่วมกัน ซึ่งในท้ายที่สุดก็ประสบความล้มเหลว เนื่องจากไม่มีเสียงสนับสนุนมากพอ แต่ในขณะที่ความพยายามของสภาผู้แทนราษฎรได้สะดุดลงนั้น ผู้นำวุฒิสภาก็ได้เดินหน้าหารือกันอีกครั้งเพื่อที่จะบรรลุข้อตกลงที่จะช่วยให้ประเทศรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้

ร่างกฎหมายงบประมาณจะขยายเพดานหนี้ไปจนถึงวันที่ 7 ก.พ.2557 และจะอนุญาตให้กระทรวงการคลังใช้มาตรการฉุกเฉินเพื่อเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ในช่วงเวลาหลังจากกำหนดวันดังกล่าว รวมทั้งจะจัดสรรงบประมาณสำหรับการดำเนินงานของรัฐบาลไปจนถึงวันที่ 15 ม.ค.ปีหน้า และจ่ายเงินค่าจ้างย้อนหลังแก่เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางที่ถูกพักงานในช่วงการปิดหน่วยงานรัฐบาลบางส่วน หรือ ชัตดาวน์

นอกจากนี้ ร่างกฎหมายฉบับนี้ยังกำหนดให้มีการจัดตั้งคณะทำงานร่วม ซึ่งจะพยายามบรรลุข้อตกลงด้านการคลังในวงกว้างภายในกลางเดือนธ.ค.นี้ ขณะที่กฎหมายประกันสุขภาพที่ผ่านความเห็นชอบเมื่อปี 2553 หรือที่เรียกว่า โอบามาแคร์ ยังคงมีผลสมบูรณ์ในทางปฏิบัติ

หลังการลงมติของวุฒิสภา ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้แสดงความขอบคุณทั้งพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันในการทำงานเพื่อบรรลุข้อตกลงในการยุติการชัตดาวน์และเพิ่มเพดาหนี้ ซึ่งช่วยให้สหรัฐรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้

การยุทธ์ยังไม่จบ

ข้อตกลงดังกล่าวเป็นการแก้ไขปัญหาเพียงชั่วคราว และไม่ได้จัดการกับแนวคิดที่แตกแยกโดยพื้นฐานระหว่างสมาชิกพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครต ว่าด้วยการใช้จ่ายและการขาดดุลงบประมาณ

รีพับลิกัน ซึ่งยอมลดข้อเรียกร้องที่จะผูกติดมาตรการรายจ่ายดังกล่าวไว้กับการปรับเปลี่ยนหรือการชะลอโครงการโอบามาแคร์นั้น ไม่ได้ยอมอ่อนข้อในการต่อสู้

นายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็กล่าวว่าสภาผู้แทนราษฎรจะไม่ขัดขวางข้อตกลงของวุฒิสภา แต่จะยังคงต่อสู้ต่อไป

“สภาผู้แทนราษฎรได้ต่อสู้ทุกวิถีทางที่จำเป็นเพื่อโน้มน้าวประธานาธิบดีสหรัฐให้มามีส่วนร่วมในการหารือระหว่างสองพรรคที่มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดการปัญาหนี้สินของประเทศและเพื่อสร้างความเป็นธรรมสำหรับชาวอเมริกันภายใต้โอบามาแคร์" นายโบห์เนอร์กล่าวในแถลงการณ์ฉบับหนึ่ง

การเผชิญหน้าส่งผลกระทบเชิงลบ

หลังการลงมติของสภาผู้แทนราษฎร ผู้อำนวยการสำนักงานการจัดการและงบประมาณ (OMB) ประกาศว่ารัฐบาลกลางจะเปิดทำการอีกครั้ง และเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางน่าจะกลับมาทำงานได้อีกครั้ง ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางราว 800,000 คนได้ถูกพักงาน เนื่องจากการเจรจาเกี่ยวกับการชัตดาวน์มีความยืดเยื้อ แม้ว่ามีการเรียกเจ้าหน้าที่บางส่วนให้กลับมาทำงานอีกครั้ง

ทางด้านสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส (S&P) เปิดเผยในแถลงการณ์ฉบับหนึ่งว่า การปิดหน่วยงานรัฐบาลบางส่วนที่ดำเนินมากว่า 2 สัปดาห์ ได้สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจอย่างน้อย 2.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจะส่งผลให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 4 ลดลง 0.6% และ S&P ยังได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตสำหรับช่วงไตรมาส 4 จากเดิม 3% มาอยู่ที่ราว 2% ด้วย

S&P ตั้งข้อสังเกตว่าข้อตกลงงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันนั้น จะเพียงจัดสรรเงินรัฐบาลจนถึงวันที่ 15 ม.ค. และขยายอำนาจการกู้ยืมของรัฐบาลถึงวันที่ 7 ก.พ.เท่านั้น ซึ่งบ่งชี้ว่าความบอบช้ำทางเศรษฐกิจจากความขัดแย้งด้านการคลังครั้งนี้จะเผชิญความเสี่ยงอีกครั้งในช่วงระยะเวลาที่ค่อนข้างสั้นมาก

“บรรยากาศที่ปรับตัวดีขึ้นในระยะสั้นๆสำหรับภาคการเมืองในการเจรจาข้อตกลงที่ยืดเยื้อในลักษณะนี้ มีแนวโน้มจะถ่วงความเชื่อมั่นของผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐบาลที่ถูกพักงาน" S&P ระบุ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ