Analysis: คาดจีนใช้นโยบายการเงินที่เป็นกลางใน Q4 ขณะ GDP มีแนวโน้มโตตามเป้า

ข่าวต่างประเทศ Tuesday October 22, 2013 14:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บรรดานักเศรษฐศาสตร์ระบุว่า นโยบายควบคุมเศรษฐกิจมหภาคของจีนมีความคืบหน้าในการสกัดหรือคุมเข้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และมีความเป็นไปได้ค่อนข้างต่ำที่จะมีการใช้นโยบายกระตุ้นด้านการคลังรอบใหม่

การคาดการณ์จากสถาบันการพัฒนาแห่งชาติของมหาวิทยาลัยปักกิ่งระบุว่า ข้อมูลกิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนในเดือนก.ย.และช่วงไตรมาส 3 ที่มีการเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ โดยทั่วไปมีความสอดคล้องกับคาดการณ์ การดีดตัวขึ้นในไตรมาส 3 ส่วนใหญ่ได้รับแรงผลักดันจากการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์ในประเทศ

แถลงการณ์หลังการประชุมผู้บริหารระดับสูงของสภาแห่งรัฐที่มีนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียงเป็นประธานเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ระบุว่า ขณะที่เผชิญกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ซับซ้อน สภาแห่งรัฐได้ใช้หลายมาตรการ เช่น การปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการบริหาร และการให้อำนาจแก่หน่วยงานระดับล่างเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน ขณะที่ป้องกันไม่ให้ยอดขาดดุลเพิ่มขึ้น พร้อมกับผ่อนคลายหรือคุมเข้มปริมาณเม็ดเงิน

รายงานคาดการณ์ระบุว่า จีนจะไม่มีอุปสรรคในการบรรลุเป้าหมายการขยายตัวของจีดีพีรายปีที่ 7.5% แต่เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มจะยังคงชะลอลงในระยะยาว โดยคาดว่าจีดีพีของจีนในไตรมาส 4 ปีนี้ จะเพิ่มขึ้น 7.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) จะเพิ่มขึ้น 3.1%

นายซ่ง กัวฉิง สมาชิกของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางจีน กล่าวว่า “หาก CPI ยังคงอยู่เหนือระดับ 3% ก็จะมีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ และรัฐบาลมีแนวโน้มจะคุมเข้มนโยบายการเงิน"

นายหลู ถิง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ กล่าวว่า ธนาคารกลางจีนได้ปรับเปลี่ยนนโยบายที่ผ่อนคลายเกี่ยวกับตลาดอินเตอร์แบงก์ในเดือนมิ.ย. ซึ่งนำไปสู่ภาวะขาดแคลนเม็ดเงินในธนาคารต่างๆของจีนที่ใช้นโยบายสินเชื่อเชิงขยายเล็กน้อยในช่วงไตรมาส 3 โดยนายหลูกล่าวเสริมว่าในขณะนี้ ธนาคารกลางจีนพร้อมที่จะกลับมาใช้นโยบายที่ “ระมัดระวัง" อีกครั้ง

ขณะที่ธนาคารกลางตั้งข้อสังเกตในแถลงการณ์เมื่อวันที่ 16 ต.ค.ว่า ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคในช่วงที่ผ่านมาบ่งชี้ว่าการขยายตัวมีเสถียรภาพนั้น ก็มีความวิตกว่าการขยายตัวของสินเชื่อเป็นไปอย่าง “ค่อนข้างรวดเร็ว" และเน้นย้ำถึงท่าทีทางการเงินที่ “ระมัดระวัง" ของทางธนาคาร

ธนาคารกลางระบุว่าการปล่อยกู้ใหม่สกุลเงินหยวนของจีนในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีนี้แตะระดับ 7.28 ล้านล้านหยวน (1.18 ล้านล้านดอลลาร์) ซึ่งเพิ่มขึ้น 5.57 แสนล้านหยวนจากช่วงเดียวกันของปีก่อน

การเพิ่มขึ้นของยอดปล่อยกู้ใหม่นับว่าสูงสุดเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ของจีน โดยเป็นรองเพียงแค่ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2552 ซึ่งมีการปล่อยกู้ใหม่ 8.67 ล้านล้านหยวน โดยธนาคารกลางเปิดเผยว่าเงินกู้ใหม่สกุลเงินหยวนในเดือนก.ย.อยู่ที่ 7.87 แสนล้านหยวน ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.644 แสนล้านหยวนเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

“เราเชื่อว่าธนาคารกลางจะปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินเล็กน้อย จากนโยบายเชิงขยายปานกลางในไตรมาส 3 มาสู่ท่าทีที่เป็นกลาง โดยไม่มีการผ่อนคลายหรือคุมเข้มเพิ่มเติม" นายหลู จากแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์กล่าว

“นักเศรษฐศาสตร์ในวอลล์สตรีทบางรายอาจเรียกร้องให้มีการคุมเข้มนโยบาย แต่เราคิดว่านั่นเป็นเรื่องที่เร็วเกินไป เราพิจารณาโดยอิงกับการฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2556, เงินเฟ้อ ซึ่งเพิ่มขึ้น 3.1% เมื่อเทียบรายปีในเดือนก.ย. แต่ยังคงต่ำกว่าเพดานของทางการที่ 3.5%, ราคาบ้านที่ปรับตัวขึ้น และความจำเป็นในการรักษาเสถียรภาพในช่วงการประชุมใหญ่ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ครั้งที่ 18 ในเดือนพ.ย." นายหลูกล่าว

นอกจากนี้ นายหลูยังกล่าวว่า จีนจะป้องกันไม่ให้สินเชื่อมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วมากขึ้น, จะไม่ขยายมาตรการกระตุ้นด้านการคลัง และมีแนวโน้มจะชะลอนโยบายที่สนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม นายหลูกล่าวว่ารัฐบาลจีนไม่มีแนวโน้มจะชะลอการขยายตัวของสินเชื่ออย่างชัดเจนและจะไม่ลดการใช้จ่ายด้านการคลังในระยะใกล้

นายฉู หงปิน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเอชเอสบีซี กล่าวว่า จีนมีความคืบหน้าในการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่มาตรการด้านนโยบายที่มีการปรับอย่างเหมาะสมและเริ่มใช้เมื่อราวกลางปีนี้ได้ช่วยหนุนอุปสงค์ภายในประเทศ การปรับตัวดีขึ้นภายในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขยายตัวด้านการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ได้ช่วยชดเชยกับอุปสงค์ในต่างประเทศที่ซบเซา ซึ่งเห็นได้จากการเติบโตด้านการส่งออกที่ชะงักงัน

เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มฟื้นตัวเล็กน้อย ขณะที่การขยายตัวที่ชะลอลงอย่างต่อเนื่องในด้านการลงทุนและการผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนก.ย.บ่งชี้ว่าแนวโน้มการเติบโตอาจจะไม่เพิ่มขึ้นในระยะใกล้นี้ โดยนายฉูกล่าวว่า ภาวการณ์นี้ ประกอบการข้อมูลฐานที่ระดับสูง จะส่งสัญญาณว่าการขยายตัวในช่วงไตรมาส 4 มีแนวโน้มจะอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อเทียบกับปีก่อน

“เราคาดว่าทางการจีนจะยังคงดำเนินนโยบายเช่นเดิม เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจมีการฟื้นตัว ซึ่งควรจะมีการสร้างบรรยากาศที่เอื้ออำนวยสำหรับการเร่งปฏิรูปเชิงโครงสร้าง เพื่อหนุนแนวโน้มการขยายตัวในระยะยาว"

ในส่วนของแนวโน้มเศรษฐกิจจีนนั้น บรรดาผู้เชี่ยวชาญคาดว่าการขยายตัวของจีดีพีอาจชะลอลงในไตรมาส 4 โดยปัจจัยถ่วงที่สำคัญประการหนึ่งก็คือกำลังการผลิตที่มากเกินไป และนั่นอาจส่งผลให้มีการเลิกจ้างพนักงานและหนี้เสียเพิ่มสูงขึ้น

“กำลังการผลิตส่วนเกินได้แซงหน้าอุปสงค์ภายในประเทศไปมาก และถึงเวลาแล้วที่จะเจาะตลาดในกลุ่มประเทศเกิดใหม่" นายโจว ฉีเหริน ศาสตราจารย์จากสถาบันการพัฒนาแห่งชาติของมหาวิทยาลัยปักกิ่งกล่าว

เมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ประเทศในตะวันออกกลางและแอฟริกามีโอกาสมากกว่าสำหรับการปรับปรุงระบบสินเชื่อ, พาณิชย์และการบริการสาธารณะ โดยนายโจวกล่าวว่า การลงทุนด้านดังกล่าว เช่น การก่อสร้างโรงไฟฟ้าและนิคมอุตสาหกรรมในกลุ่มประเทศเหล่านั้น จะสามารถสร้างอุปสงค์จำนวนมากสำหรับการส่งออกผลิตภัณฑ์ภายในประเทศของจีน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ