อีซีบีได้เดินหน้าผ่อนคลายมาตรการเชิงปริมาณเพิ่มเติมในการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ด้วยการเปิดตัวโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งจะช่วยอัดฉีดกระแสเงินสดล็อตใหม่หลายล้านล้านเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของยูโรโซน
ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารกลางเดนมาร์ก ตุรกี แคนาดา สวิตเซอร์แลนด์ และอินเดีย ได้ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ซบเซา
หยี เซียนหรง นักวิจัยอาวุโสของสถาบันสังคมศาสตร์จีนเผยเงินทุนจำนวนมหาศาลอาจจะหลั่งไหลเข้าไปยังสหรัฐ อังกฤษ และประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ ซึ่งจะทำให้สินทรัพย์ต่างๆราคาสูงขึ้น
นายหยีกล่าวต่อไปว่า มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของอีซีบีคาดว่าจะผลักดันให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของจีนที่ย่ำแย่อยู่แล้ว และเพิ่มแรงกดดันด้านเงินฝืดในจีน ในขณะที่ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ยังคงอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ เศรษฐกิจจีนขยายตัว 7.4% ในปี 2557 ซึ่งถือว่าเป็นสถิติการขยายตัวที่ชะลอตัวที่สุดในรอบ 24 ปี
นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวในการประชุมประจำปี World Economic Forum ที่เมืองดาวอสเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า ในช่วงที่มีแรงกดดันช่วงขาลงเช่นนี้ เราจะไม่หาตัวช่วยด้วยการใช้มาตรการกระตุ้นที่เข้มงวด พร้อมกับย้ำว่า จีนจะยังคงใช้นโยบายการเงินเชิงรุกอย่างรอบคอบต่อไป
ก่อนหน้านี้ นายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนกล่าวว่า แบงก์ชาติจีนจะดูแลให้อุปทานเงินมีเสถียรภาพและจะไม่อัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบมากจนเกินไป และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา แบงก์ชาติจีนก็ได้ใช้มาตรการผ่านทางสัญญาซื้อคืนพันธบัตรเป็นครั้งแรกในรอบปี เพื่ออัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบก่อนหน้าที่จะถึงวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งเป็นช่วงที่มีความต้องการเงินสดสูงขึ้น
อย่างไรก็ดี วาณิชธนกิจและสถาบันวิจัยเศรษฐกิจจำนวนมากคาดการณ์ว่า จีนจะผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติมเพื่อรักษาระดับการขยายตัว และป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจร่วงลง
หู หงผิน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเอชเอสบีซี กล่าวว่า เราเชื่อว่าจีนจะผ่อนคลายนโยบายการเงินเชิงรุกมากกว่านี้ รวมถึงดำเนินการปฏิรูปในด้านต่างๆเพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เพื่อที่จะกระตุ้นดีมานด์ภายในประเทศในเร็วๆนี้ หลังจากที่เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวอย่างผันผวนและตลาดอสังหาริมทรัพย์อ่อนแรง
เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์และสภาพคล่องในระยะหลังๆ เจพี มอร์แกน คาดว่า จีนจะปรับลดสัดส่วนการกันสำรองหรือใช้นโยบายต่างๆ เช่น การปล่อยกู้แบบ Pledged Supplementary Lending (PSL) และวงเงินปล่อยกู้ระยะกลาง (MLF) ก่อนที่จะถึงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งมักจะเป็นช่วงที่มีความต้องการสภาพคล่องสูงขึ้นมาก
เมื่อปี 2557 ก่อนหน้าที่จะถึงเทศกาลตรุษจีน 4 สัปดาห์นั้น ธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดสภาพคล่อง 4.50 แสนล้านหยวนผ่านทางมาตรการ open market และการปล่อยสินเชื่อระยะสั้น (SLF) วงเงิน 1.90 แสนล้านหยวน
อย่างไรก็ดี นายหยีเตือนว่า หากจีนผ่อนคลายนโยบายมากจนเกินไป ก็อาจจะสร้างความเสี่ยงให้กับหนี้ในสังคมได้ รวมถึงส่งผลกระทบต่อการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ สำนักข่าวซินหัวรายงาน