Analysis: ผู้เชี่ยวชาญชี้สหรัฐถอนทหารออกจากซีเรีย ส่งผลอิสราเอลตกเป็นเป้าเสี่ยงด้านความมั่นคง

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday December 25, 2018 11:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

เหล่าเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญของอิสราเอลได้ออกมาเตือนว่า การที่สหรัฐได้สั่งการให้ถอนกำลังทหารทั้งหมดออกจากซีเรียนั้น ทำให้ประเทศเพื่อนบ้านอย่างอิสราเอลตกเป็นเป้าเสี่ยงทางกองทัพและความมั่นคงของประเทศ เพราะอิสราเอลเป็นประเทศที่พึ่งพารัฐบาลสหรัฐ

กองทัพสหรัฐประมาณ 2,000 นายในซีเรียนั้น ประจำการอยู่เพื่อจัดการกับกลุ่มรัฐอิสลาม (IS) ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐเชื่อว่าสามารถบรรลุผลแล้ว

อย่างไรก็ดี จริงๆแล้วกองทัพสหรัฐได้เข้ามาช่วยสกัดกองกำลังที่เป็นปรปักษ์กับอิสราเอลอย่างอิหร่านและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ของเลบานอนเท่านั้น เนื่องจากทั้งสองกลุ่มนี้ประจำการอยู่ในซีเรียเพื่อสนับสนุนนายบาชาร์ อัล-อัสซาด ประธานาธิบดีของซีเรีย

ซีเรียและเลบานอนมีชายแดนติดกับพื้นที่ทางเหนือของอิสราเอล ซึ่งเป็นจุดนองเลือดของศึกสงครามในอดีต ขณะที่เหล่าผู้นำของอิหร่านซึ่งเป็นมหาศัตรูกับอิสราเอลนั้น ได้เรียกร้องให้มีการทำลายอิสราเอลอยู่บ่อยครั้ง

ซาริต เซฮาวี อดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวกรองประจำกองทัพอิสราเอล กล่าวว่า "การถอนกำลังทหารออกจากซีเรียนั้น เปิดโอกาสให้อิหร่านลำเลียงอาวุธ ทหาร หรือสิ่งอื่น ๆ ตามที่ต้องการได้อย่างเสรี ผ่านช่องทางภาคพื้นทวีปที่สั้นที่สุด"

นายเซฮาวี กล่าวกับสำนักข่าวซินหัวว่า "ขณะนี้มีแผนการสร้างเครือข่ายทางหลวงระหว่างอิหร่าน อิรัก และซีเรีย ดังนั้นการคงอยู่ของกองทัพสหรัฐจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง"

นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ได้ประกาศมาโดยตลอดว่า อิสราเอลจะใช้ทุกมาตรการที่จำเป็น ในการปกป้องประเทศจากอิหร่านและกลุ่มตัวแทนอื่น ๆ ของอิหร่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มฮิซบอลเลาะห์

เมื่อไม่นานมานี้ กองทัพอิสราเอลได้พบเครือข่ายอุโมงค์ที่คาดว่ากลุ่มฮิซบอลเลาะห์ได้ขุดขึ้นเพื่อแทรกซึมเข้าพื้นที่ทางเหนือของอิสราเอล โดยเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา กองทัพอิสราเอลได้เริ่มทำลายอุโมงค์ดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ยังไม่ได้ออกมาแสดงความเคลื่อนไหวใดๆ

รัฐบาลของนายเนทันยาฮูได้ออกมาแสดงความภูมิใจถึงความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างรัฐบาลอิสราเอลและปธน.ทรัมป์ แต่ก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ความเคลื่อนไหวล่าสุดของสหรัฐไม่ได้รักษาผลประโยชน์ของอิสราเอลในภูมิภาคแต่อย่างใด

นายโจนาธาน ไรน์โฮล์ด ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์สหรัฐ-อิสราเอลจาก Bar Ilan University กล่าวว่า รัฐบาลอิสราเอลประเมินความสำคัญของอิสราเอลที่มีต่อปธน.ทรัมป์สูงเกินไป รวมถึงอิทธิพลที่อิสราเอลมีต่อปธน.ทรัมป์

นายไรน์โฮล์ดกล่าวว่า "เห็นได้ชัดว่ารัฐบาลอิสราเอลเชื่อใจคณะที่ปรึกษาและอิทธิพลที่มีต่อปธน.ทรัมป์มากเกินไป ซึ่งพวกเขาคิดผิด"

ขณะเดียวกัน การที่สหรัฐถอนตัวออกไปก็ยิ่งเป็นการเพิ่มอำนาจให้กับรัสเซียในซีเรีย ซึ่งอิสราเอลเองก็ต้องหาวิธีรับมือกับความสัมพันธ์กับรัสเซียที่ไม่สู้ดีนักจากความขัดแย้งทางการทูตระหว่างสองประเทศ

นายไรน์โฮล์ดกล่าวว่า "อิสราเอลควรต้องดำเนินการอย่างตรงไปตรงมามากกว่านี้ ซึ่งนั่นอาจจะทำให้ความสัมพันธ์กับรัสเซียมีความซับซ้อนมากขึ้น"

"เมื่อชาติมหาอำนาจถอนตัวออกไป ก็จะเกิดภาวะสุญญากาศที่ต้องได้รับการแก้ไข และในมุมมองของอิสราเอล ไม่ว่าใครก็ตามที่เข้าไปเติมเต็มสุญญากาศก็ล้วนแต่สร้างผลเสียทั้งสิ้น"

นายเชมี ชาเลฟ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ Haaretz ของอิสราเอล กล่าวว่า นโยบายของปธน.ทรัมป์ "จะสร้างผลเสียให้กับความมั่นคงของอิสราเอล" เช่นเดียวกับนโยบายต่างประเทศอื่นๆของสหรัฐ

ทั้งนี้ นายไรน์โฮล์ดกล่าวย้ำว่า "หากขาดสหรัฐหนุนหลังแล้ว จุดยืนของอิสราเอลก็จะอ่อนแอลง เนื่องจากอิสราเอลไม่สามารถเข้าไปแทนที่บทบาทของสหรัฐในซีเรียได้ เพราะมีศักยภาพที่แตกต่างกัน"

โดย เคเรน เซ็ทตัน

สำนักข่าวซินหัว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ