สื่อต่างประเทศรายงานว่า บรรดาตลาดการเงินต่างๆ เริ่มที่จะคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะถูกกดดันให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง เพื่อรับมือกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) แม้เจ้าหน้าที่เฟดรายหนึ่งเตือนไม่ให้ตื่นตระหนกมากเกินไปกับความผันผวนระยะสั้นในตลาดการเงินก็ตาม
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทดิ่งลงหนักที่สุดในรอบ 2 ปีเมื่อคืนนี้ โดยดัชนีดาวโจนส์ทำสถิติร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2561
FedWatch Tool ของ CME Group ระบุว่า จากสัญญาณของสัญญาอัตราดอกเบี้ยล่วงหน้าบ่งชี้ว่า มีโอกาสราว 85% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างน้อย 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในเดือนก.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้วที่โอกาสในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ราว 50%
สัญญาอัตราดอกเบี้ยล่วงหน้ายังบ่งชี้ด้วยว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดอาจจะอยู่ที่ราว 1% หรือต่ำกว่าในช่วงต้นปี 2564 เมื่อเทียบกับระดับปัจจุบันที่ 1.50-1.75% หลังจากที่เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 3 ครั้งในปีที่ผ่านมา
ด้านนางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาคลีฟแลนด์เปิดเผยว่า เธอไม่เห็นด้วยกับความเห็นที่ว่า เฟดจะถูกผลักดันให้ดำเนินการเพื่อรับมือกับตลาดการเงินที่ตื่นตระหนก โดยเธอเตือนว่า ผู้กำหนดนโยบายการเงินจะต้องไม่มีปฏิกริยามากเกินไปต่อความผันผวนระยะสั้นในตลาดการเงิน