กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกอยู่ที่ 241,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 26 เม.ย. เพิ่มขึ้น 18,000 ราย จาก 223,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้า สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ราว 224,000-225,000 ราย และสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. ที่ผ่านมา
ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 226,000 ราย จาก 220,500 ราย
ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 83,000 ราย สู่ระดับ 1.92 ล้านราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2564
รายงานระบุว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากรัฐนิวยอร์ก ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่ามาอยู่ที่ 30,043 ราย ขณะที่วอชิงตัน ดีซี เพิ่มขึ้นปานกลางในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากพุ่งขึ้นอย่างมากเมื่อต้นปีนี้ เนื่องจากความพยายามของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการลดขนาดรัฐบาลกลาง
ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานถือเป็นข้อมูลสำคัญที่บ่งชี้ถึงสภาพตลาดแรงงาน รวมถึงสภาพเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งข้อมูลล่าสุดนี้เป็นสัญญาณเพิ่มเติมว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังประสบปัญหา หลังจากที่วานนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยการประมาณการครั้งที่ 1 ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2568 โดยระบุว่า GDP หดตัวลง 0.3% หลังจากที่ขยายตัว 2.4% ในไตรมาส 4/2567 โดยการหดตัวลงของ GDP ในไตรมาส 1 ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย