ผลสำรวจทางธุรกิจที่เปิดเผยในวันนี้ (22 พ.ค.) ซึ่งจัดทำโดย au Jibun Bank บ่งชี้ว่า กิจกรรมโรงงานญี่ปุ่นเดือนพ.ค.ยังคงซบเซาเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกัน โดยกลุ่มผู้ผลิตยังคงเผชิญแรงกดดันจากกำแพงภาษีสหรัฐฯ ต่อสินค้าญี่ปุ่น ฉุดให้ภาพรวมธุรกิจพลิกหดตัว
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นของญี่ปุ่น ขยับขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 49.0 ในเดือนพ.ค. จากตัวเลขขั้นสุดท้ายที่ 48.7 ในเดือนเม.ย. ทว่ายังคงต่ำกว่าเกณฑ์ 50.0 เป็นเดือนที่ 11 แล้ว
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว
ความอ่อนแอของภาคผลิตที่ยืดเยื้อได้บดบังความแข็งแกร่งของภาคบริการ โดยดัชนี PMI ภาคบริการขั้นต้นขยับลงมาอยู่ที่ 50.8 ในเดือนพ.ค. จาก 52.4 ในเดือนเม.ย. นับว่ายังประคองตัวอยู่ในช่วงขยายตัวได้
ผลลัพธ์ดังกล่าวส่งผลให้ดัชนี PMI รวมภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้น ปรับตัวลงสู่ระดับ 49.8 ในเดือนพ.ค. จาก 51.2 ในเดือนเม.ย. สะท้อนว่ากิจกรรมทางธุรกิจของภาคเอกชนโดยรวมกำลังหดตัว
ข้อมูลนี้ถูกเปิดเผยออกมาในช่วงเวลาที่ผู้แทนการค้าของญี่ปุ่นเตรียมเปิดโต๊ะเจรจารอบที่ 3 กับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ทว่าโอกาสที่จะบรรลุข้อตกลงเพื่อลดหย่อนภาษีศุลกากร ซึ่งเป็นมาตรการที่ริเริ่มโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ และส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมหลักอย่างยานยนต์ ยังคงดูเลือนราง
เมื่อพิจารณารายละเอียดในผลสำรวจภาคการผลิตพบว่า ผลผลิตภาคโรงงานปรับตัวลงในอัตราที่เร่งตัวขึ้นกว่าเดือนเม.ย. อย่างไรก็ดี ยังพอมีสัญญาณบวกอยู่บ้าง เมื่อยอดสั่งซื้อใหม่และยอดสั่งซื้อจากต่างประเทศชะลอการหดตัวลง
แรงกดดันด้านต้นทุน แม้ยังคงอยู่ในระดับสูง แต่ก็เริ่มมีสัญญาณผ่อนคลายลง ต้นทุนวัตถุดิบของโรงงานเพิ่มขึ้นในอัตราช้าที่สุดในรอบ 14 เดือน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อจากราคาผลผลิตก็ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปี
ความเชื่อมั่นทางธุรกิจในกลุ่มผู้ผลิตปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยในเดือนพ.ค. หลังจากที่ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 5 ปีเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ในทางตรงกันข้าม บรรยากาศความเชื่อมั่นของผู้จัดการในภาคบริการกลับย่ำแย่ลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2564