ผลสำรวจโดยเอสแอนด์พี โกลบอล (S&P Global) ที่เปิดเผยในวันนี้ (4 มิ.ย.) บ่งชี้ว่า ภาพรวมธุรกิจในกลุ่มประเทศยูโรโซนเดือนพ.ค. แทบไม่ขยายตัว หลังภาคบริการซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ของเศรษฐกิจกลับมาหดตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย. ชี้ชัดว่าปัญหาอุปสงค์ที่ลดลงต่อเนื่องมานานนับปียังคงเป็นตัวฉุดรั้งเศรษฐกิจยูโรโซน
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นสุดท้ายของยูโรโซนจาก HCOB ขยับลงมาอยู่ที่ 50.2 จุดในเดือนพ.ค. จาก 50.4 จุดในเดือนเม.ย. แม้ตัวเลขนี้จะดีกว่าที่คาดการณ์ไว้เบื้องต้นที่ 49.5 แต่ก็ถือว่าอ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว
สำหรับดัชนี PMI ภาคบริการขั้นสุดท้ายของยูโรโซนร่วงลงมาอยู่ที่ 49.7 ในเดือนพ.ค. จาก 50.1 ในเดือนเม.ย. สะท้อนการหดตัวเล็กน้อย และนับเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือนที่ดัชนีภาคบริการหล่นต่ำกว่าระดับ 50
เมื่อดูภาพรวม ยอดคำสั่งซื้อใหม่ทั่วทั้งยูโรโซนลดลงต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2567 แม้จะเป็นการลดลงที่ไม่มากนัก โดยดัชนีคำสั่งซื้อใหม่ในเดือนพ.ค.ลดลงสู่ระดับ 49.0 จาก 49.1 ส่วนยอดสั่งซื้อจากต่างประเทศก็ลดลงต่อเนื่องมากว่า 3 ปีแล้ว จึงไม่ได้ช่วยพยุงเศรษฐกิจที่กำลังย่ำแย่เท่าที่ควร
บริษัทต่าง ๆ จำเป็นต้องเร่งเคลียร์แบ็กล็อกมากขึ้นและเร็วขึ้นเล็กน้อย เพื่อชดเชยออร์เดอร์ใหม่ที่หายไป โดยตัวเลขคำสั่งซื้อค้างส่งมอบของภาคบริการลดลงแตะ 47.4 จาก 48.1
การจ้างงานทั่วทั้งยูโรโซนเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยในเดือนพ.ค. โดยส่วนใหญ่มาจากการจ้างงานในภาคบริการ ส่วนภาคการผลิตยังคงมีการปรับลดคนงาน
แรงกดดันด้านราคาทั่วทั้งกลุ่มยูโรโซนเริ่มผ่อนคลายลง โดยต้นทุนการผลิตโดยรวมเพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้าที่สุดในรอบ 6 เดือน และราคาขายสินค้าก็เพิ่มขึ้นในอัตราที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้ว
ความเชื่อมั่นทางธุรกิจปรับตัวดีขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค. แต่ก็ยังถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตอยู่มาก สะท้อนว่าภาคธุรกิจยังคงระมัดระวังต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคต แม้จะมีความหวังว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย และอาจมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐออกมาก็ตาม