ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) รายงานในวันนี้ (5 มิ.ย.) ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่แท้จริง หดตัวลง 0.2% ในไตรมาส 1/2568 ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากการประมาณการเบื้องต้น โดยเศรษฐกิจเกาหลีใต้หดตัวเป็นครั้งแรกในรอบสามไตรมาส เนื่องจากวิกฤตการเมืองภายในประเทศ และความไม่แน่นอนที่เป็นผลมาจากมาตรการภาษีศุลกากรเชิงรุกของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ
รายงานของ BOK ยังระบุว่า การส่งออกในไตรมาส 1 ปรับตัวลง 0.6% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการชะลอตัวของยอดส่งออกเคมีภัณฑ์ เครื่องจักร และอุปกรณ์
ส่วนการลงทุนในสิ่งอำนวยความสะดวกลดลง 0.4% ขณะที่การลงทุนด้านการก่อสร้างร่วงลง 3.1% และการใช้จ่ายในภาคเอกชนปรับตัวลง 0.1% เนื่องจากอุปสงค์ในภาคบริการอ่อนแอลง
มาตรการภาษีศุลกากรของปธน.ทรัมป์ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเกาหลีใต้ที่ต้องพึ่งพาการค้า โดยปธน.ทรัมป์ประกาศใช้มาตรการภาษีตอบโต้ในเดือนเม.ย. ซึ่งรวมถึงการเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตรา 25% จากสินค้าเกาหลีใต้ แต่ในเวลาต่อมาปธน.ทรัมป์ได้ผ่อนปรนด้วยการเลื่อนเก็บภาษีดังกล่าวเป็นเวลา 90 วัน
ทั้งนี้ การเจรจาการค้าระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ ยังคงดำเนินอยู่ในขณะนี้ โดยทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมายที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าและประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องภายในวันที่ 8 ก.ค. ซึ่งเป็นวันที่การผ่อนผันภาษีเป็นเวลา 90 วันจะสิ้นสุดลง
นอกจากนี้ เศรษฐกิจที่หดตัวอย่างเหนือความคาดหมายยังเกิดขึ้นเนื่องจากผลกระทบของการที่อดีตประธานาธิบดียุน ซอกยอล ประกาศกฎอัยการศึกเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ปีที่แล้ว ซึ่งก่อให้เกิดความวุ่นวายทางการเมืองและส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ภายในประเทศ