รัฐบาลฟิลิปปินส์เปิดเผยในวันนี้ (5 มิ.ย.) ว่า อัตราเงินเฟ้อประจำปีของฟิลิปปินส์ในเดือนพ.ค.ชะลอตัวลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน โดยมีปัจจัยหนุนจากค่าสาธารณูปโภคและค่าอาหารที่เพิ่มขึ้นในอัตราช้าลง ด้านธนาคารกลางฟิลิปปินส์ (BSP) ระบุว่า ข้อมูลดังกล่าวเอื้อต่อการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากขึ้น
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 1.3% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ลดลงจาก 1.4% ในเดือนเม.ย. และเป็นอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2562 ตัวเลขดังกล่าวสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 1.9% ซึ่งต่ำกว่ากรอบเป้าหมายของธนาคารกลางซึ่งตั้งไว้ที่ 2.0%-4.0% สำหรับปีนี้
ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ระบุในแถลงการณ์ว่า "โดยรวมแล้ว แนวโน้มเงินเฟ้อที่สามารถจัดการได้มากขึ้น ประกอบกับความเสี่ยงด้านลบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ เอื้อให้สามารถปรับเปลี่ยนไปใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นได้"
การเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าหมวดที่อยู่อาศัย น้ำประปา ไฟฟ้า และเชื้อเพลิงอื่น ๆ ชะลอตัวลงแตะ 2.3% ในเดือนพ.ค. จาก 2.9% ในเดือนเม.ย. ขณะที่ค่าขนส่งปรับตัวลดลงกว่าเดิม โดยลดลง 2.4% ในเดือนพ.ค. เทียบกับที่ลดลง 2.1% ในเดือนเม.ย.
ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core inflation) ซึ่งไม่รวมราคาอาหารสดและพลังงานที่ผันผวน ยังคงที่อยู่ที่ 2.2%
ธนาคารกลางได้กลับมาใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินอีกครั้งในเดือนเม.ย. โดยปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 5.5% เพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจท่ามกลางปัจจัยลบจากเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ ธนาคารกลางมีกำหนดทบทวนนโยบายอีกครั้งในวันที่ 19 มิ.ย.นี้
ขณะเดียวกัน ในวันนี้ สภาผู้แทนราษฎรฟิลิปปินส์ได้อนุมัติร่างกฎหมายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำรายวันอีก 200 เปโซ (3.60 ดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งหัวหน้านักสถิติแห่งชาติให้ความเห็นว่าอาจส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อได้