กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยรายงานเบื้องต้นในวันนี้ (18 มิ.ย.) ว่า ญี่ปุ่นขาดดุลการค้า 6.376 แสนล้านเยน (4.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในเดือนพ.ค. เนื่องจากการส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ไปยังสหรัฐฯ ร่วงลงอย่างหนัก โดยคาดว่าเป็นผลกระทบมาจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ปรับขึ้นภาษีศุลกากร
ญี่ปุ่นขาดดุลการค้าติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง เนื่องจากยอดส่งออกโดยรวมปรับตัวลง 1.7% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ระดับ 8.13 ล้านล้านเยน ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 8 เดือน โดยถูกกดดันจากการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ร่วงลง 11.1%
ขณะที่ยอดนำเข้าโดยรวมลดลง 7.7% แตะที่ระดับ 8.77 ล้านล้านเยน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเดือนที่สอง สะท้อนให้เห็นถึงการลดลงของราคาน้ำมันดิบจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และถ่านหินจากออสเตรเลีย
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า เมื่อพิจารณาเป็นรายประเทศ ญี่ปุ่นเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ มูลค่า 4.517 แสนล้านเยน ลดลง 4.7% เมื่อเทียบรายปี เนื่องจากการส่งออกลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง สู่ระดับ 1.51 ล้านล้านเยน ขณะที่การนำเข้าลดลง 13.5% แตะระดับ 1.06 ล้านล้านเยน
ยอดส่งออกรถยนต์ไปยังสหรัฐฯ ดิ่งลง 24.7% และยอดส่งออกชิ้นส่วนรถยนต์ลดลง 19% เมื่อพิจารณาในแง่มูลค่า ส่วนในแง่ปริมาณนั้น ยอดส่งออกรถยนต์ไปยังสหรัฐฯ ลดลง 3.9%
ขณะเดียวกันญี่ปุ่นขาดดุลการค้ากับจีนเพิ่มขึ้น 17.2% ในเดือนพ.ค.เมื่อเทียบรายปี แตะที่ระดับ 6.2487 แสนล้านเยน ซึ่งเป็นการขาดดุลติดต่อกันเป็นเดือนที่ 50 โดยการส่งออกไปยังจีนลดลง 8.8% สู่ระดับ 1.44 ล้านล้านเยน และนำเข้าลดลง 2.2% แตะระดับ 2.07 ล้านล้านเยน
นอกจากนี้ ญี่ปุ่นเกินดุลการค้ากับประเทศในเอเชียซึ่งรวมถึงจีน เพิ่มขึ้นกว่า 12 เท่า สู่ระดับ 3.1335 แสนล้านเยน ขณะเดียวกันก็ขาดดุลการค้ากับสหภาพยุโรป (EU) มูลค่า 3.089 แสนล้านเยน ซึ่งเป็นการขาดดุลติดต่อกันเดือนที่ 16