ข้อมูลทางการที่เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ (23 มิ.ย.) ระบุว่า เศรษฐกิจของอาร์เจนตินาในไตรมาสแรกของปี 2568 ขยายตัว 5.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นับเป็นอัตราการเติบโตสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2565 และเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่สอง สะท้อนให้เห็นการฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยเมื่อปีก่อน อย่างไรก็ตาม อัตราการเติบโตดังกล่าวยังคงต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
สัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนที่สุดมาจากระดับผู้บริโภค โดยข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่า การบริโภคภาคเอกชนเติบโตขึ้นถึง 11.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้านประธานาธิบดีฆาบิเอร์ มิเลย์ ได้โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X) เรียกข้อมูลดังกล่าวว่าเป็น "ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม" พร้อมทั้งวิจารณ์รายงานข่าวที่มุ่งเน้นไปที่การปรับตัวลดลงของการบริโภคภาครัฐ
ในด้านการค้าระหว่างประเทศ การส่งออกของประเทศซึ่งเป็นมหาอำนาจด้านการเกษตร เติบโตขึ้น 7.2% โดยลุยส์ กาปูโต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ ระบุว่าเป็นสถิติสูงสุดของไตรมาสแรก ทว่าการนำเข้าที่พุ่งสูงถึง 42.8% ได้บดบังผลบวกจากการเติบโตของการส่งออกไปอย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 เศรษฐกิจขยายตัวเพียง 0.8% ชะลอตัวลงจากสองไตรมาสก่อนหน้า
แม้อัตราการเติบโตที่ 5.8% จะต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 6.1% แต่อัตราดังกล่าวยังคงเป็นการขยายตัวรายปีที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวจากผลกระทบของการระบาดใหญ่ของโควิด-19
เศรษฐกิจอาร์เจนตินาเพิ่งหลุดพ้นจากภาวะถดถอยในช่วงครึ่งหลังของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นผลกระทบจากการลดค่าเงินเปโซในเดือนธ.ค. 2566 และมาตรการรัดเข็มขัดที่ตามมาของปธน.มิเลย์ ทำให้นักเศรษฐศาสตร์ต่างจับตารอว่าการฟื้นตัวจะสามารถตั้งหลักอย่างมั่นคงได้หรือไม่ในปี 2568
แม้ปธน.มิเลย์จะได้รับเสียงชื่นชมในการสร้างเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ แต่มาตรการรัดเข็มขัดที่เข้มงวดของเขาส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงต้นปี 2567 โดยเฉพาะการตัดลดงบประมาณภาครัฐที่ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อข้าราชการและพนักงานภาครัฐ ซึ่งมีรายได้และเงินเดือนเติบโตไม่ทันอัตราเงินเฟ้อ
สำหรับภาพรวมทั้งปี 2568 ผลสำรวจความคาดหวังของตลาดล่าสุดจากธนาคารกลางคาดการณ์ว่า GDP จะเติบโตที่ 5.2%