FDI สหรัฐฯ Q1/68 ดิ่งหนัก เหตุแผนภาษีทรัมป์กระทบความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ

ข่าวต่างประเทศ Wednesday June 25, 2025 10:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานว่า การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในสหรัฐฯ ช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 ลดลงอย่างหนักเหลือ 5.28 หมื่นล้านดอลลาร์ จาก 7.99 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสก่อนหน้า ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้นอันเนื่องมาจากแผนการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

การไหลเข้าของ FDI ในไตรมาสแรกปีนี้ถือเป็นระดับต่ำสุดในแง่ของมูลค่าดอลลาร์ นับตั้งแต่ที่เคยลดลงไปแตะที่ระดับ 4.24 หมื่นล้านดอลลาร์ไตรมาส 4 ของปี 2565 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดเงินเฟ้อสูงหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19

นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่า ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมาตรการภาษีของปธน.ทรัมป์อาจทำให้การตัดสินใจลงทุนของบริษัทต่าง ๆ หยุดชะงัก และชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางรายมองว่า การลดลงของ FDI อาจเป็นเพียงชั่วคราว เนื่องจากโครงการผลิตของบริษัทต่างชาติในสหรัฐฯ มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ซึ่งตัวเลขเหล่านี้จะถูกนำไปรวมในข้อมูล FDI ไตรมาสปัจจุบันและต่อ ๆ ไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าซื้อกิจการยูเอส สตีล (U.S. Steel) มูลค่า 1.49 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยนิปปอน สตีล (Nippon Steel) ที่คาดว่าจะส่งผลบวกต่อตัวเลข FDI ในอนาคต

ขณะเดียวกัน รายงานระบุว่า ตัวเลข FDI ที่ลดลงในไตรมาสแรกปีนี้ ส่งผลให้การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของสหรัฐฯ ขยายตัวสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.502 แสนล้านดอลลาร์ เนื่องจากภาคธุรกิจเร่งนำเข้าสินค้าล่วงหน้า ก่อนที่มาตรการภาษีที่เข้มงวดของทรัมป์จะเริ่มมีผลบังคับใช้

ทั้งนี้ ข้อมูลบัญชีเดินสะพัดจะวัดการไหลเวียนสุทธิของสินค้า บริการ และการลงทุนที่เข้าและออกจากประเทศ โดยปกติแล้ว การขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ที่มีขนาดใหญ่และต่อเนื่องจะถูกหักลบด้วยการไหลเข้าของการลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินของสหรัฐฯ และการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงโรงงานและอุปกรณ์ การควบรวมและซื้อกิจการของบริษัท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ