อัตราเงินเฟ้อของฟิลิปปินส์ขยับขึ้นเล็กน้อยในเดือนมิ.ย. เนื่องจากต้นทุนค่าสาธารณูปโภคเพิ่มสูงขึ้น แต่ตัวเลขดังกล่าวยังคงอยู่ต่ำกว่ากรอบเป้าหมายของธนาคารกลางฟิลิปปินส์ (BSP) จึงเปิดทางให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงได้อีกเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ
สำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์เปิดเผยในวันนี้ (4 ก.ค.) ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้นแตะ 1.4% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งสูงกว่าเดือนพ.ค.ที่ระดับ 1.3% แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.5% ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 1.8% ซึ่งต่ำกว่ากรอบเป้าหมายของธนาคารกลางที่ 2%-4% สำหรับปี 2568
การดีดตัวของเงินเฟ้อมีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าที่อยู่อาศัย ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า และค่าเชื้อเพลิง ซึ่งเร่งตัวขึ้นสู่ระดับ 3.2% ในเดือนมิ.ย. จาก 2.3% ในเดือนพ.ค. อย่างไรก็ดี ปัจจัยดังกล่าวถูกชดเชยบางส่วนจากการที่ราคาข้าวปรับตัวลดลงมากเป็นประวัติการณ์ถึง 14.3%
ธนาคารกลางระบุในแถลงการณ์ว่า "เป็นที่คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ต่ำกว่าขอบล่างของกรอบเป้าหมายไปตลอดทั้งปี 2568 โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากการที่ราคาข้าวยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง"
ขณะเดียวกัน อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารและพลังงานที่มีความผันผวนสูง ยังคงเดิมที่ระดับ 2.2% ในเดือนมิ.ย.
อีไล เรโมโลนา ผู้ว่าการธนาคารกลางฟิลิปปินส์ กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (3 ก.ค.) ว่า เงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำเปิดโอกาสให้ธนาคารกลางสามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงได้อีก 2 ครั้งภายในปีนี้ เพื่อกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเป็นครั้งที่สองติดต่อกันในการประชุมเมื่อเดือนมิ.ย. สู่ระดับ 5.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบสองปีครึ่ง โดยการประชุมนโยบายการเงินครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 28 ส.ค.