ผลสำรวจของ S&P Global เปิดเผยวันนี้ (5 ส.ค.) ว่า ภาคบริการของอินเดียในเดือนก.ค. ขยายตัวในอัตราสูงสุดรอบ 11 เดือน โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายโดย HSBC ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 60.5 จาก 60.4 ในเดือนมิ.ย. สวนทางกับคาดการณ์เบื้องต้นที่ประเมินว่าจะลดลงเหลือ 59.8
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว ซึ่งข้อมูลล่าสุดชี้ว่า ภาคบริการซึ่งเป็นกำลังขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจอินเดีย ได้ขยายตัวต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 4 แล้ว
การเติบโตครั้งนี้มีแรงหนุนสำคัญจากอุปสงค์ต่างประเทศ โดยดัชนีย่อยด้านคำสั่งซื้อเพื่อการส่งออกเร่งตัวขึ้นอย่างชัดเจน และนับเป็นการขยายตัวสูงสุดเป็นอันดับ 2 ในรอบปี ขณะที่ยอดธุรกิจใหม่โดยรวมยังคงแข็งแกร่งจากการทำโฆษณาและหาลูกค้ารายใหม่
เมื่อจำแนกตามประเภทบริการ พบว่ากลุ่มการเงินและการประกันภัยมีผลการดำเนินงานโดดเด่นที่สุด ส่วนกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และบริการทางธุรกิจเติบโตช้าที่สุด
อย่างไรก็ตาม แม้อุปสงค์จะแข็งแกร่ง แต่บริษัทต่าง ๆ กลับชะลอการจ้างงานลงอย่างมาก แตะระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือน
ขณะเดียวกัน แรงกดดันด้านราคาก็รุนแรงขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการต้องเผชิญกับต้นทุนอาหาร ค่าขนส่ง และค่าแรงที่สูงขึ้น และได้ผลักภาระเหล่านี้ต่อไปยังลูกค้า ซึ่งภาวะเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจเชิงนโยบายของธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ที่จะมีการประชุมในวันที่ 4-6 ส.ค. นี้
ด้านความเชื่อมั่นทางธุรกิจปรับตัวดีขึ้น โดยบริษัทต่าง ๆ คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากแผนการตลาด นวัตกรรม และการรุกตลาดออนไลน์
ขณะเดียวกัน ดัชนี PMI รวมภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นสุดท้ายของอินเดีย ปรับขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 61.1 ในเดือนก.ค. ขยายตัวแข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2567