ผลสำรวจของ S&P Global ที่เผยแพร่วันนี้ (5 ส.ค.) ชี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของฝรั่งเศสโดย HCOB ได้ร่วงลงสู่ระดับ 48.5 ในเดือนก.ค. จาก 49.6 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการหดตัวในอัตราที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. โดยมีปัจจัยกดดันหลักมาจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและอุปสงค์ในประเทศที่ซบเซา
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว
ผลกระทบดังกล่าวส่งผลให้ความเชื่อมั่นทางธุรกิจดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน เนื่องจากยอดคำสั่งซื้อใหม่ลดลงอย่างชัดเจน และการคาดการณ์ภาพรวมธุรกิจในอีก 12 เดือนข้างหน้าก็ทรุดตัวลงอย่างหนัก
ภาวะชะลอตัวนี้ยังสะท้อนไปยังตลาดแรงงาน โดยการจ้างงานปรับตัวลดลงต่อเนื่องเข้าสู่ไตรมาสที่สาม บริษัทต่าง ๆ ต่อสัญญาจ้างชั่วคราวน้อยลง และเลือกที่จะไม่จัดหาพนักงานใหม่มาทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
โยนาส เฟลต์ฮูเซน นักเศรษฐศาสตร์จากฮัมบูร์ก คอมเมอร์เชียล แบงก์ (HCOB) กล่าวว่า "การชะลอตัวของกิจกรรมทางธุรกิจกำลังส่งผลกระทบชัดเจนขึ้นต่อการใช้กำลังการผลิต ... ปริมาณแบ็กล็อกลดลง ขณะที่มุมมองต่ออนาคตก็ย่ำแย่ลงอย่างมาก"
แม้ภาคบริการจะหดตัว แต่เงินเฟ้อด้านต้นทุนยังคงอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ อย่างไรก็ดี บริษัทต่าง ๆ สามารถปรับขึ้นราคาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ท่ามกลางแรงกดดันจากการแข่งขันที่รุนแรง
ด้านดัชนี PMI รวมภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นสุดท้ายของฝรั่งเศส ก็ปรับลดลงสู่ 48.6 ในเดือนก.ค. สะท้อนว่ากิจกรรมทางธุรกิจของภาคเอกชนโดยรวมกำลังหดตัวเร็วขึ้น ข้อมูลทั้งหมดนี้ชี้ว่าแรงส่งทางเศรษฐกิจในระยะสั้นมีจำกัด และทำให้เกิดคำถามถึงความยั่งยืนของทิศทางการเติบโตในปัจจุบัน