กระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารของญี่ปุ่นรายงานในวันนี้ (8 ส.ค.) ว่า การใช้จ่ายภาคครัวเรือนปรับตัวสูงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันในเดือนมิ.ย. โดยเพิ่มขึ้น 1.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งแรงขับเคลื่อนสำคัญมาจากการซื้อรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น และค่าไฟที่พุ่งสูงในช่วงฤดูร้อน อย่างไรก็ดี ตัวเลขดังกล่าวสวนทางกับการใช้จ่ายด้านอาหารที่ปรับตัวลดลง
รายงานระบุว่า ครัวเรือนที่มีสมาชิกตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ใช้จ่ายเงินโดยเฉลี่ย 295,419 เยน (ราว 2,006 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อเดือน ตัวเลขนี้เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า ผลพวงจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ยังไม่กระทบต่อการบริโภคในประเทศอย่างมีนัยสำคัญ
เมื่อจำแนกตามหมวดหมู่ พบว่าค่าใช้จ่ายด้านการคมนาคมและการสื่อสารเพิ่มขึ้น 8.6% ซึ่งฟื้นตัวขึ้นหลังจากที่การส่งมอบรถยนต์ชะลอตัวลงในเดือนมิ.ย. ปีก่อนหน้า จากการที่ค่ายรถยนต์บางแห่งระงับการผลิตเนื่องจากปัญหาด้านการรับรองมาตรฐาน
ค่าใช้จ่ายด้านอาหารปรับตัวลดลง 2.1% ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 3 เดือน โดยมีสาเหตุหลักจากการใช้จ่ายเกี่ยวกับข้าวที่ลดลง 12.1% ส่วนค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและน้ำประปาเพิ่มขึ้น 6.3% จากการใช้เครื่องปรับอากาศที่มากขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายด้านที่อยู่อาศัย ซึ่งรวมถึงค่าซ่อมแซม พุ่งขึ้น 11.6%
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ตัวเลขการใช้จ่ายภาคครัวเรือนถือเป็นตัวบ่งชี้สำคัญของการบริโภคภาคเอกชน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของญี่ปุ่น
แม้การใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้น แต่รายได้ที่แท้จริงกลับสวนทาง โดยรายได้เฉลี่ยของครัวเรือนที่มีสมาชิกอย่างน้อย 2 คน หลังปรับตามเงินเฟ้อแล้ว ลดลง 1.3% เมื่อเทียบรายปี เหลือ 976,268 เยนต่อเดือน แต่ตัวเลขรายได้นี้ยังสูงกว่าเดือนก่อนหน้า เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากโบนัสฤดูร้อนที่สูงขึ้น