ยอดเกินดุลการค้าของไต้หวันกับสหรัฐฯ ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2568 ได้พุ่งทะลุสถิติของทั้งปี 2567 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากกระแสความนิยมปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทั่วโลกได้กระตุ้นความต้องการผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีของไต้หวัน
กระทรวงการคลังไต้หวันเปิดเผยในแถลงการณ์วันศุกร์ (8 ส.ค.) ว่า การจัดส่งสินค้าไปยังสหรัฐฯ ในเดือนก.ค. เพิ่มขึ้นเกือบ 63% จากปีก่อนหน้า สู่ระดับ 1.86 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ยอดเกินดุลการค้าของไต้หวันกับชาติเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกในช่วงเดือนม.ค.-ก.ค. พุ่งขึ้นเป็นเกือบ 7 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าสถิติรายปีที่ทำไว้ในปี 2567 แล้ว
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐฯ ได้ประกาศกำแพงภาษี 20% ต่อสินค้าจากไต้หวัน และเมื่อวันพุธ (6 ส.ค.) ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ออกมาประกาศแผนเก็บภาษีนำเข้าชิปจากต่างประเทศสูงถึง 100% แต่จะยกเว้นให้สำหรับบริษัทที่ผลิตหรือมีแผนจะผลิตสินค้าในสหรัฐฯ โดยยกตัวอย่างแอปเปิ้ล (Apple) ว่าจะไม่ถูกเรียกเก็บภาษี เพราะมีการลงทุนในประเทศ
นักลงทุนต่างมองว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นสัญญาณบวกต่อบริษัทไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง โค (TSMC) ซึ่งเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวันและเป็นซัพพลายเออร์ชิปขั้นสูงให้กับแอปเปิ้ลและอินวิเดีย คอร์ป (Nvidia Corp.) โดย TSMC ลงทุนอย่างแข็งขันในโรงงานผลิตของสหรัฐฯ ซึ่งอาจช่วยให้บริษัทรอดพ้นจากกำแพงภาษีที่สูงลิ่วได้