สถาบันส่งเสริมสถิติการค้าเกาหลี (KTSPI) เปิดเผยในวันนี้ (20 ส.ค.) ว่า เกาหลีใต้ส่งออกอาหารไปยังสหรัฐฯ ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีเมื่อเทียบรายปีในเดือนก.ค. อันเป็นผลมาจากนโยบายเรียกเก็บภาษีศุลกากรครั้งใหญ่ของสหรัฐฯ
รายงานระบุว่า เกาหลีใต้ส่งออกสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์อาหารไปยังสหรัฐฯ มูลค่า 139 ล้านดอลลาร์เมื่อเดือนที่แล้ว ลดลง 6.7% เมื่อเทียบรายปี โดยนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนพ.ค. 2566 ที่การส่งออกอาหารไปยังสหรัฐฯ ลดลงเมื่อเทียบรายปี
เมื่อพิจารณาเป็นรายสินค้า การส่งออกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเกาหลี (รามยอน) ซึ่งเป็นหนึ่งในสินค้าส่งออกสำคัญ ร่วงลง 17.8% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 14 ล้านดอลลาร์
ส่วนการส่งออกขนมขบเคี้ยวร่วงลงถึง 25.9% สู่ระดับ 20 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ซอสต่าง ๆ และโสมร่วงลง 7.2% และ 13.4% เมื่อเทียบรายปีตามลำดับ
การส่งออกสะสมไปยังสหรัฐฯ ในช่วงเดือนม.ค.-ก.ค. เติบโต 21.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม อัตราการเติบโตดังกล่าวชะลอตัวลงอย่างมากจากการเติบโต 27% เมื่อเทียบรายปีในช่วงเดือนม.ค.-มิ.ย.
เจ้าหน้าที่ภาคอุตสาหกรรมบางส่วนระบุว่า การชะลอตัวลงดังกล่าวเป็นผลมาจากการที่บริษัทต่าง ๆ เร่งส่งออกสินค้าล่วงหน้าไว้แล้วก่อนถึงเส้นตายภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ โดยรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ประกาศแผนการที่จะเก็บภาษี 15% กับสินค้าของเกาหลีใต้ทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค. เป็นต้นไป
กระทรวงเกษตรเกาหลีใต้ระบุว่า เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซอง มี-รยอง รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรเกาหลีใต้มีกำหนดจัดการประชุมในวันนี้ (20 ส.ค.) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการส่งออกอาหาร โดยในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นครั้งที่ 3 นั้น ซองจะเปิดเผยมาตรการสนับสนุนบริษัทส่งออกของรัฐบาล และรับฟังความคิดเห็นจากบริษัทและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ