PMI ภาคการผลิตอินเดียส.ค. โตพุ่งสุดในรอบ 17 ปี ดีมานด์แกร่งดันเงินเฟ้อ

ข่าวต่างประเทศ Monday September 1, 2025 13:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ผลสำรวจที่เปิดเผยในวันนี้ (1 ก.ย.) ระบุว่า กิจกรรมภาคการผลิตของอินเดียในเดือนส.ค. ขยายตัวในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบกว่า 17 ปี โดยได้แรงหนุนจากการผลิตที่เร่งตัวขึ้นตามอุปสงค์ภายในประเทศที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม การเติบโตที่ร้อนแรงนี้ได้เพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อให้สูงขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับภาพรวมเศรษฐกิจอินเดียที่เติบโตแข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาสเม.ย.-มิ.ย. ที่ 7.8%

ข้อมูลจาก S&P Global ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของอินเดียโดย HSBC ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 59.3 ในเดือนส.ค. จาก 59.1 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2551 แม้จะต่ำกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นเล็กน้อยที่ 59.8

ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว

ปราณจุล ภัณฑารี หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำอินเดียของ HSBC กล่าวว่า "ดัชนี PMI ภาคการผลิตของอินเดียแตะระดับสูงสุดใหม่อีกครั้งในเดือนส.ค. โดยได้แรงหนุนจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของการผลิต ขณะที่การขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ต่อสินค้าอินเดียเป็น 50% อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ยอดสั่งซื้อเพื่อการส่งออกใหม่ชะลอตัวลงเล็กน้อย เนื่องจากผู้ซื้อชาวอเมริกันชะลอการสั่งซื้อท่ามกลางความไม่แน่นอนด้านภาษี"

ส่วนยอดสั่งซื้อโดยรวมยังคงแข็งแกร่งกว่ามาก ซึ่งบ่งชี้ว่าคำสั่งซื้อในประเทศยังคงแข็งแกร่ง และช่วยบรรเทาผลกระทบที่เป็นตัวฉุดรั้งเศรษฐกิจจากประเด็นด้านภาษี

ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตคือยอดคำสั่งซื้อใหม่ที่ยังคงขยายตัวอย่างรวดเร็วต่อเนื่องจากเดือนก.ค. โดยบริษัทต่าง ๆ ระบุว่าเป็นผลจากความต้องการของตลาดที่แข็งแกร่งและแคมเปญโฆษณาที่ประสบความสำเร็จ

อย่างไรก็ดี การเติบโตในไตรมาสข้างหน้าอาจเผชิญความเสี่ยงจากการที่รัฐบาลทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากอินเดียในอัตราสูงถึง 50% ซึ่งส่งผลให้ยอดคำสั่งซื้อเพื่อการส่งออกใหม่ขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวที่สุดในรอบ 5 เดือน แม้จะยังคงแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต

กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คึกคักนี้ส่งผลให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 18 ติดต่อกัน แม้ว่าอัตราการจ้างงานจะชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2567

ขณะเดียวกัน ภาคธุรกิจต้องเผชิญกับต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น เช่น เหล็กกล้าและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ จึงได้ผลักภาระเหล่านี้ต่อไปยังลูกค้า ส่งผลให้ทั้งราคาปัจจัยการผลิตและราคาขายสินค้าพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน ซึ่งตอกย้ำถึงแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น

ด้านความเชื่อมั่นทางธุรกิจในหมู่ผู้ผลิตปรับตัวดีขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีของเดือนก่อนหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง แม้ว่าประเด็นด้านภาษีของสหรัฐฯ จะยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ