สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนามรายงานในวันนี้ (6 ต.ค.) ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัว 8.23% ในไตรมาส 3/2568 เมื่อเทียบเป็นรายปี เนื่องจากการฟื้นตัวของกิจกรรมในภาคการผลิตและภาคธุรกิจเป็นปัจจัยพยุงเศรษฐกิจให้รอดพ้นจากผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ซึ่งมีผลบังคับใช้ในช่วงต้นเดือนส.ค.
หลังการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว ดัชนี VN Index ตลาดหุ้นเวียดนามพุ่งขึ้น 1.9% ในการซื้อขายช่วงเช้านี้ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค.
ตัวเลข GDP ในไตรมาส 3 ของเวียดนามขยายตัวได้ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 7.15% ขณะเดียวกันสำนักงานสถิติยังได้ปรับเพิ่มการประเมิน GDP ในไตรมาส 2 เป็นขยายตัว 8.19% จากเดิมที่ประเมินว่าขยายตัว 7.96%
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมยังคงเป็นแรงผลักดันการขยายตัวของเศรษฐกิจเวียดนาม โดยกิจกรรมภาคการผลิตขยายตัว 9.92% ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ เมื่อเทียบเป็นรายปี เนื่องจากบริษัทต่าง ๆ ได้เร่งดำเนินการผลิตก่อนที่เวียดนามจะถึงกำหนดเส้นตายในการถูกสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีศุลกากร
รัฐบาลเวียดนามได้ตั้งเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2568 เอาไว้ในกรอบ 8.3% - 8.5% แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเวียดนามในอัตรา 20%
นอกเหนือจากตัวเลข GDP ไตรมาส 3 แล้ว สำนักงานสถิติยังเปิดเผยว่า ยอดส่งออกเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 24.7% ขณะที่ยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น 24.9%
ส่วนตัวเลขเงินเฟ้อนั้น ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้น 3.38% ในเดือนก.ย. ขณะที่รัฐบาลได้กำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อไว้ในกรอบ 4% - 4.5% ในปีนี้
สำหรับ GDP เวียดนามในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ขยายตัวแตะระดับ 7.85% ส่วนการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้เพิ่มขึ้น 15.2%