วันนี้ (7 ต.ค.) กระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารของญี่ปุ่นเปิดเผยข้อมูลว่า ในเดือนส.ค. ค่าใช้จ่ายภาคครัวเรือน (หลังปรับตามอัตราเงินเฟ้อแล้ว) เพิ่มขึ้น 2.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ตัวเลขนี้เติบโตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 แล้ว โดยมีสาเหตุหลักมาจากการที่ผู้บริโภคหันมาซื้อรถยนต์และใช้จ่ายกับกิจกรรมสันทนาการมากขึ้น
กระทรวงฯ ระบุว่า ครัวเรือนที่มีสมาชิกตั้งแต่สองคนขึ้นไปใช้จ่ายเฉลี่ยครัวเรือนละ 313,977 เยน (2,100 ดอลลาร์สหรัฐ) ในเดือนส.ค.
เมื่อแยกตามหมวดหมู่ ค่าใช้จ่ายด้านคมนาคมและการสื่อสารโตขึ้นถึง 13.5% ปัจจัยสำคัญคือค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นถึง 22.4% ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการที่ปีก่อนหน้าตัวแทนจำหน่ายรถยนต์หลายแห่งต้องปิดชั่วคราวเพราะพายุไต้ฝุ่น ทำให้ยอดขายปีนี้ฟื้นตัวกลับขึ้นมา
ขณะที่ค่าใช้จ่ายด้านวัฒนธรรมและสันทนาการก็เพิ่มขึ้น 12.2% เป็นผลจากการท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศที่คึกคักขึ้น รวมถึงการไปเที่ยวชมงานมหกรรมโลก (World Exposition) ที่โอซาก้าในช่วงฤดูร้อนด้วย
ส่วนค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและน้ำประปาก็ปรับตัวสูงขึ้น 4.7% เนื่องจากช่วงฤดูร้อนมีอากาศร้อนจัด ทำให้คนเปิดเครื่องปรับอากาศกันมากขึ้น
ในทางตรงกันข้าม ค่าใช้จ่ายด้านอาหารกลับลดลง 1.2% ทั้งที่หมวดหมู่นี้คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 30% ของรายจ่ายทั้งหมด สาเหตุหลักมาจากการที่คนซื้ออาหารสำรองฉุกเฉิน เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและน้ำดื่ม ลดลงอย่างมาก เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่คนแห่กักตุนสินค้าเหล่านี้เพราะมีคำเตือนเรื่องแผ่นดินไหวใหญ่
ตัวเลขการใช้จ่ายนี้ถือเป็นดัชนีชี้วัดสำคัญของการบริโภคภาคเอกชน โดยการบริโภคภาคเอกชนนั้นคิดเป็นสัดส่วนกว่าครึ่งหนึ่งของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของญี่ปุ่น
นอกจากนี้ กระทรวงฯ ยังระบุว่า รายได้เฉลี่ยต่อเดือนของครัวเรือนที่มีผู้รับเงินเดือนตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพิ่มขึ้น 2.8% (หลังปรับตามอัตราเงินเฟ้อแล้ว) มาอยู่ที่ 608,578 เยน