สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย (ABS) เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานประจำเดือนก.ย. ในวันนี้ (16 ต.ค.) โดยอัตราการว่างงานได้พุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 4.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2564 และสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 4.3%
เมื่อเจาะลึกลงไปในรายละเอียด พบว่าการจ้างงานสุทธิในเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นเพียง 14,900 ตำแหน่ง ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 20,000 ตำแหน่ง และแม้ว่าจะฟื้นตัวจากเดือนส.ค.ที่ตัวเลขถูกปรับเป็นลดลงถึง 11,800 ตำแหน่ง แต่ในส่วนของตำแหน่งงานเต็มเวลา กลับเพิ่มขึ้นเพียง 8,700 ตำแหน่งเท่านั้น หลังจากที่ลดลงอย่างหนักในเดือนก่อนหน้า
การเติบโตของตำแหน่งงานรายปีชะลอตัวลงเหลือเพียง 1.3% จากที่เคยสูงถึง 3.5% เมื่อเดือนม.ค. ส่วนอัตราการมีส่วนร่วมในกำลังแรงงานขยับขึ้นมาอยู่ที่ 67.0% สะท้อนว่ามีคนออกมาหางานทำมากขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้อัตราการว่างงานพุ่งสูงขึ้น ขณะที่ชั่วโมงการทำงานโดยรวมเพิ่มขึ้น 0.5% พลิกกลับจากที่ลดลงในเดือนส.ค.
ข่าวร้ายดังกล่าวส่งผลกระทบต่อตลาดเงินและตลาดทุนทันที โดยนักลงทุนได้เพิ่มคาดการณ์โอกาสที่ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนพ.ย.นี้ จากเดิมเพียง 40% พุ่งขึ้นเป็น 71% ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลง 0.4% ไปอยู่ที่ 0.6488 ดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ความหวังที่จะมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินได้ผลักดันให้ดัชนีหุ้นของออสเตรเลียพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ RBA ได้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 3.60% ในการประชุมเมื่อเดือนก.ย. หลังจากที่ปรับลดมาแล้ว 3 ครั้งในปีนี้ เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง แม้ว่าเงินเฟ้อพื้นฐานในไตรมาส 2/2568 จะลดลงสู่ระดับ 2.7% ซึ่งอยู่ในกรอบเป้าหมาย 2%-3% แล้วก็ตาม
มิเชล บุลล็อก ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลีย กล่าวในวันนี้ว่า การฟื้นตัวของการใช้จ่ายของผู้บริโภคและตัวเลขเงินเฟ้อบางส่วนที่สูงขึ้น ทำให้คณะกรรมการต้องหยุดเพื่อพิจารณาอย่างรอบคอบว่า ยังมีความจำเป็นที่จะต้องลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีกหรือไม่