องค์การวิสาหกิจของสิงคโปร์ (Enterprise Singapore) เปิดเผยในวันนี้ (17 ต.ค.) ว่า ยอดส่งออกสินค้าในประเทศที่ไม่รวมน้ำมัน (NODX) ของสิงคโปร์ ขยายตัว 6.9% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ตัวเลขดังกล่าวสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะหดตัว 2.1% และยังเป็นการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญหลังจากที่ร่วงลงถึง 11.5% ในเดือนส.ค.
ปัจจัยหนุนหลักมาจากการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยตลาดสำคัญที่ผลักดันการเติบโตคือฮ่องกง ไต้หวัน และจีน ในทางกลับกัน การส่งออกไปยังตลาดใหญ่อย่างสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และอินโดนีเซีย ปรับตัวลดลง
สิงคโปร์ยังคงได้รับผลกระทบจากกำแพงภาษี 10% ที่รัฐบาลสหรัฐฯ บังคับใช้ โดยตัวเลขล่าสุดชี้ว่ายอดส่งออกของสิงคโปร์ไปยังสหรัฐฯ ลดลง 9.9% ในเดือนก.ย. หลังจากที่ดิ่งหนักถึง 29.1% ในเดือนส.ค.
แม้เศรษฐกิจของสิงคโปร์ในช่วงครึ่งแรกของปีจะทำได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ผู้ประกอบการเร่งส่งออกและผลิตสินค้าล่วงหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีของสหรัฐฯ แต่ทางการได้ออกมาเตือนว่าแนวโน้มการเติบโตมีโอกาสชะลอตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปี
องค์การวิสาหกิจของสิงคโปร์คาดการณ์ว่า ตลอดทั้งปี 2568 ยอดส่งออก NODX จะเติบโตในกรอบ 1%-3% โดยยอมรับว่าเศรษฐกิจน่าจะเผชิญความอ่อนแอลงบ้างในช่วงครึ่งปีหลัง
นอกจากนี้ สิงคโปร์ยังต้องเตรียมรับมือกับผลกระทบจากมาตรการภาษีรายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะภาษีนำเข้ายาและเวชภัณฑ์ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้ประกาศไปเมื่อเดือนก.ย.
กาน เสี่ยว ฮวง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการค้าของสิงคโปร์ กล่าวเมื่อวันอังคาร (14 ต.ค.) ว่า การบังคับใช้มาตรการภาษีดังกล่าวได้ถูกเลื่อนออกไปก่อน เพื่อเปิดโอกาสให้บริษัทต่าง ๆ สามารถเจรจาต่อรองกับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อขอรับการยกเว้นเป็นรายกรณีต่อไป