สำนักงานสถิติแห่งชาติฟิลิปปินส์ (PSA) เปิดเผยในวันนี้ (5 พ.ย.) ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อ ขยายตัว 1.7% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นระดับเดียวกับเดือนก.ย.
ตัวเลขเงินเฟ้อดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 1.8% และอยู่ต่ำกว่ากรอบเป้าหมายเงินเฟ้อของธนาคารกลางฟิลิปปินส์ (BSP) ที่ระดับ 2-4%
ภาวะเงินเฟ้อที่ทรงตัวในระดับต่ำนี้ อาจเปิดทางให้ BSP พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกในอนาคต เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่เผชิญกับแนวโน้มการชะลอตัว
ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core Inflation) ซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารและพลังงานที่มีความผันผวนสูง ชะลอตัวลงสู่ระดับ 2.5% ในเดือนต.ค. จากระดับ 2.6% ในเดือนก.ย.
เดนนิส มาปา นักสถิติแห่งชาติกล่าวว่า พายุไต้ฝุ่นที่พัดถล่มประเทศเมื่อเร็ว ๆ นี้ ถือเป็นความเสี่ยงต่อแนวโน้มเงินเฟ้อในเดือนพ.ย. โดยหน่วยงานจะเฝ้าติดตามผลกระทบต่อราคาผักและผลผลิตการเกษตรอย่างใกล้ชิด
ด้านอาร์เซนิโอ บาลิซากัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการวางแผนเศรษฐกิจระบุในแถลงการณ์ว่า "เรายังคงเฝ้าระวังอย่างเต็มที่เพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงจากความแปรปรวนของสภาพอากาศ ความผันผวนของตลาดโลก ตลอดจนปัจจัยภายในประเทศอื่น ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพด้านราคาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า"
เมื่อเดือนที่ผ่านมา BSP ระบุว่า การอ่อนค่าของเงินเปโซได้สร้างแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับราคาค่าไฟที่ปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ดี ราคาข้าวที่ปรับตัวลงต่อเนื่องได้ช่วยบรรเทาผลกระทบดังกล่าว
ทั้งนี้ เงินเปโซอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 59.26 เปโซต่อดอลลาร์สหรัฐในช่วงปลายเดือนต.ค. ก่อนจะฟื้นตัวขึ้นมาได้เล็กน้อย
อีไล เรโมโลนา ผู้ว่าการ BSP เคยส่งสัญญาณว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินอาจพิจารณาปรับลดดอกเบี้ย หากแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลและผลกระทบจากกรณีอื้อฉาวเรื่องการทุจริต
นับตั้งแต่เดือนส.ค.ปีที่แล้ว BSP ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงแล้วรวม 1.75% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะข้ามคืน (Overnight Reverse Repurchase Rate) อยู่ที่ระดับ 4.75% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2565