สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยข้อมูลตลาดแรงงานในวันนี้ (16 ธ.ค.) ว่า อัตราการว่างงานของสหราชอาณาจักร (UK) ปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 5 ปี ขณะที่การเติบโตของค่าจ้างชะลอตัวลง ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นปัจจัยสำคัญที่ตอกย้ำมุมมองของตลาดว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินในสัปดาห์นี้
รายงานของ ONS ระบุว่า อัตราการว่างงานในช่วง 3 เดือนสิ้นสุดเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 0.1 จุด มาอยู่ที่ระดับ 5.1% ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2564 และสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ ขณะที่ข้อมูลภาษีประจำเดือนพ.ย. แสดงให้เห็นว่า จำนวนลูกจ้างในระบบบัญชีเงินเดือน ปรับตัวลดลง 38,000 ตำแหน่ง และยอดตำแหน่งงานว่างลดลง 2,000 ตำแหน่ง สะท้อนถึงภาวะการจ้างงานที่ซบเซาลงอย่างต่อเนื่อง
ในส่วนของข้อมูลค่าจ้าง อัตราการเติบโตของค่าจ้างเฉลี่ยไม่รวมโบนัสลดลงมาอยู่ที่ 4.6% จากเดิม 4.7% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2565 โดยเฉพาะภาคเอกชนที่การเติบโตของค่าจ้างชะลอตัวลงเหลือ 3.9% ต่ำกว่าระดับ 4% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2563 ในขณะที่ค่าจ้างภาครัฐขยายตัว 7.6% ซึ่ง ONS ชี้แจงว่าเป็นผลมาจากการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการที่เริ่มมีผลเร็วกว่าปีที่ผ่านมา
นักวิเคราะห์ประเมินว่า ตัวเลขเศรษฐกิจชุดนี้จะเป็นหลักฐานสำคัญที่ทำให้ BoE ตัดสินใจกลับมาปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในวันพฤหัสบดีนี้ (18 ธ.ค.) หลังจากที่คงอัตราดอกเบี้ยไว้ในการประชุมเดือนก.ย. และพ.ย. โดยตลาดการเงินให้ความเป็นไปได้เกือบ 90% ที่คณะกรรมการจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 3.75%
แม้แอนดรูว์ เบลีย์ ผู้ว่าการ BoE และกรรมการบางท่านจะยังแสดงความกังวลต่อแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ยังคงมีอยู่ก็ตาม แต่ข้อมูลล่าสุดชี้ชัดว่าเศรษฐกิจกำลังสูญเสียแรงส่ง
นอกจากนี้ ตลาดแรงงานที่อ่อนแอยังสะท้อนถึงผลกระทบจากการดำเนินนโยบายของรัฐบาลพรรคแรงงาน โดยเฉพาะงบประมาณฉบับแรกของเรเชล รีฟส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่เพิ่มภาระต้นทุนการจ้างงานให้กับภาคธุรกิจ ส่งผลให้จำนวนลูกจ้างในระบบลดลงสะสมกว่า 187,000 ตำแหน่งนับตั้งแต่มีการประกาศงบประมาณดังกล่าว
ทั้งนี้ นักลงทุนยังคงจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของอังกฤษในวันพรุ่งนี้ (17 ธ.ค.) ซึ่งคาดว่าจะชะลอตัวลงสู่ระดับ 3.5% ในเดือนพ.ย.