กระทรวงเศรษฐกิจไต้หวัน เปิดเผยวันนี้ (23 ธ.ค.) ว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าส่งออกในเดือนพ.ย. พุ่งขึ้นถึง 39.5% เมื่อเทียบรายปี คิดเป็นมูลค่า 7.292 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 30.1% โดยขยายตัวด้วยอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบเกือบ 5 ปี และเติบโตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 ด้วยแรงหนุนสำคัญจากความต้องการเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงก่อนสิ้นปี
ความต้องการเทคโนโลยีที่ยังคงแข็งแกร่งเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยผลักดันยอดส่งออกของไต้หวัน โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เซมิคอนดักเตอร์ที่ได้รับยกเว้นภาษีภายใต้มาตรการของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แม้นักลงทุนจะยังกังวลเรื่องการเก็บภาษีศุลกากรระลอกใหม่ของสหรัฐฯ ก็ตาม
ทั้งนี้ ยอดสั่งซื้อสินค้าส่งออกจากไต้หวันซึ่งเป็นฐานการผลิตของบริษัทชั้นนำอย่าง TSMC ถือเป็นดัชนีชี้วัดสำคัญของความต้องการเทคโนโลยีทั่วโลก
ปัจจุบันรัฐบาลทรัมป์ได้เรียกเก็บภาษีศุลกากรทั่วไป 20% ต่อสินค้าส่งออกจากไต้หวัน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไต้หวันชี้แจงว่าอัตราภาษีดังกล่าวเป็นเพียงมาตรการชั่วคราว และกำลังเร่งเจรจากับสหรัฐฯ เพื่อขอปรับลดอัตราภาษีให้ผ่อนปรนยิ่งขึ้น
กระทรวงเศรษฐกิจระบุว่า แม้ปัจจัยความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้าและความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์จะยังกดดันการค้าโลก แต่ยอดสั่งซื้อยังมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างมั่นคงจากการขยายตัวของเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบประมวลผลประสิทธิภาพสูง (High-performance computing)
สำหรับสถิติยอดสั่งซื้อสินค้าส่งออกรายกลุ่มผลิตภัณฑ์ในเดือนพ.ย. พบว่า กลุ่มสินค้าโทรคมนาคมเพิ่มขึ้น 69.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่กลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์พุ่งขึ้น 47.9%
เมื่อแยกรายภูมิภาค เทียบรายปี ยอดสั่งซื้อรวมจากจีนเพิ่มขึ้น 17.6% (จาก 9.8% ในเดือนต.ค.) ยอดสั่งซื้อจากสหรัฐฯ ทะยานขึ้น 56.1% (จาก 32.1% ในเดือนต.ค.) ส่วนยอดสั่งซื้อจากยุโรปเพิ่มขึ้น 26.0% และจากญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 15.4%
สำหรับภาพรวมปี 2568 กระทรวงฯ คาดว่ามูลค่ารวมของยอดสั่งซื้อสินค้าส่งออกอาจสูงถึง 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนในเดือนธ.ค. นี้ คาดว่าจะขยายตัว 36.1% ถึง 39.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า