สำนักงานสถิติอินโดนีเซียรายงานว่า อินโดนีเซียมียอดเกินดุลการค้าสูงขึ้นในเดือนเม.ย. เนื่องจากยอดนำเข้าปรับตัวลดลงต่ำกว่ายอดส่งออก ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
อินโดนีเซียมียอดเกินดุล 667.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับ 490 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนมี.ค.
นายซัสมิโต ฮาดิวิโบโว รองผู้อำนวยการฝ่ายแจกแจงและบริการสถิติของสำนักงานสถิติระบุว่า ยอดนำเข้าเดือนเม.ย. อยู่ที่ 1.078 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 14.62% เมื่อเทียบรายปี และ 4.62% เมื่อเทียบรายเดือน ด้านยอดส่งออกเดือนเม.ย. อยู่ที่ 1.145 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 12.65% เมื่อเทียบรายปี และ 3.07% เมื่อเทียบรายเดือน
รองผู้อำนวยการกล่าวว่า "ยอดส่งออกสินค้าที่ลดลงนี้มีสาเหตุหลักมาจากยอดส่งออกน้ำมันและก๊าซที่ปรับตัวลง" พร้อมระบุว่า ยอดส่งออกน้ำมันและก๊าซร่วงลง 28.44% หรือ 352 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แตะ 886.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ยอดส่งออกน้ำมันและก๊าซก็เป็นสาเหตุของการปรับตัวลดลงของยอดสินค้าส่งออกทั้งหมดในเดือนเม.ย. ซึ่งสินค้าที่มียอดส่งออกต่ำที่สุดคือ ถ่านหิน "ยอดส่งออกถ่านหินของเรายังลดลงอย่างต่อเนื่อง" นายฮาดิโบโวกล่าว
อินโดนีเซียเป็นประเทศส่งออกถ่านหินประเภทให้ความร้อนและน้ำมันปาล์มที่ใหญ่ที่สุด และเป็นผู้ส่งออกยางและโกโก้ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก นอกจากนี้ อินโดนีเซียยังเป็นประเทศที่มีเหมืองทองแดงใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของโลกอีกด้วย
ยอดส่งออกของประเทศซบเซาต่อเนื่องเป็นระยะเวลาหลายเดือน เนื่องจากอุปสงค์ที่ลดลงของสินค้าส่งออกของประเทศ
นอกจากนี้ นายฮาดิโบโวกล่าวว่า ยอดนำเข้าน้ำมันและก๊าซเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดของการปรับตัวลงของยอดนำเข้าทั้งหมดในเดือนเม.ย.
ยอดนำเข้าอยู่ที่ 1.36 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนเม.ย. ลดลง 41.74% เมื่อเทียบรายปี และ 12.32% เมื่อเทียบรายเดือน
ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2559 ยอดเกินดุลสะสมของอินโดนีเซียสูงแตะ 2.325 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ