สำนักงานปริวรรตเงินตราแห่งรัฐของจีน (SAFE) เปิดเผยในวันนี้ว่า ธนาคารพาณิชย์จีนซื้อเงินตราต่างประเทศเป็นมูลค่า 1.289 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค. และขาย 1.261 แสนล้านดอลลาร์ ส่งผลให้มียอดซื้อเงินตราต่างประเทศสุทธิอยู่ที่ 2.8 พันล้านดอลลาร์ในเดือนที่แล้ว
ยอดซื้อสุทธิเดือนต.ค.เพิ่มขึ้นจากยอดซื้อสุทธิที่ 300 ล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบกว่าสองปีที่ธนาคารพาณิชย์จีนซื้อเงินตราต่างประเทศมากกว่าขาย
สำหรับในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ ธนาคารจีนได้ซื้อเงินตราต่างประเทศจำนวน 1.33 ล้านล้านดอลลาร์ และขายไปทั้งสิ้น 1.44 ล้านล้านดอลลาร์ ส่งผลให้มียอดขายสุทธิอยู่ที่ 1.101 แสนล้านดอลลาร์
SAFE ระบุว่า การเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศโดยทั่วไปยังคงอยู่ในสภาวะสมดุลในเดือนต.ค. หลังจากที่ได้เคยมีความกังวลเกี่ยวกับเงินทุนไหลออกจากตลาดจีนในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2559 ซึ่งขณะนั้นเศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญกับแรงกดดันขาลง และเงินหยวนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนได้ทรุดลงต่ำกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่เนื่องจากเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่งและเงินหยวนยังคงมีเสถียรภาพ ทุนสำรองระหว่างประเทศจึงได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนก.พ.เป็นต้นมา
ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่า ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกันในเดือนต.ค. สู่ระดับ 3.1092 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 703 ล้านดอลลาร์จากเดือนก่อนหน้า
SAFE ระบุว่า เนื่องจากจีนปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อผลักดันการขยายตัวที่ยั่งยืน ดังนั้นการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศจะยังคงอยู่ในสภาวะสมดุลและมีเสถียรภาพต่อไปในระยะกลางและระยะยาว