สมาคมห้างสรรพสินค้าญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดขายในห้างสรรพสินค้าของญี่ปุ่นดิ่งลง 12.2% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยที่ยอดขายสินค้าปลอดภาษีทรุดตัวลงถึง 65.4% เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงอย่างมาก
สมาคมฯ ระบุว่า ยอดขายของร้านค้าสาขาเดิมร่วงลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน โดยจำนวนลูกค้าหดตัวลงราว 10% เมื่อเทียบกับเดือนก.พ.ปีที่แล้ว เนื่องจากคนญี่ปุ่นหลีกเลี่ยงการออกจากบ้านในขณะที่โควิด-19 ยังคงแพร่ระบาด
นอกจากนี้ ห้างสรรพสินค้ายังได้รับผลกระทบจากการที่โควิด-19 แพร่ระบาดหนักในประเทศจีน จนส่งผลให้ต้องมีการประกาศจำกัดการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากห้างสรรพสินค้าหลายแห่งในญี่ปุ่นมีฐานลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวจากจีน
ยอดขายของห้างสรรพสินค้า 206 แห่ง ซึ่งดำเนินการโดย 75 บริษัท มีมูลค่ารวมกันทั้งสิ้น 3.661 แสนล้านเยน (3.3 พันล้านดอลลาร์) ในเดือนก.พ. โดยยอดขายที่ลดลงนั้นยังเป็นผลมาจากความต้องการเสื้อผ้าสำหรับฤดูหนาวที่หดตัวลงเนื่องจากสภาพอากาศที่อุ่นขึ้นด้วย
รายงานระบุว่า ยอดขายเสื้อผ้าร่วงลง 15.9% ขณะที่ยอดขายเครื่องสำอางดิ่งลง 26.4%
ด้านสมาคมร้านค้าปลีกแบบเครือข่ายของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ยอดขายในซูเปอร์มาร์เก็ตเพิ่มขึ้น 4.1% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรก เนื่องจากมีความต้องการสินค้าเพื่อการบริโภคเพิ่มมากขึ้น
สมาคมฯระบุว่า ยอดขายของซูเปอร์มาร์เก็ตจำนวน 10,548 แห่ง ที่ดำเนินการโดย 55 บริษัท อยู่ที่ 9.376 แสนล้านเยน ในเดือนก.พ.
ทั้งนี้ ยอดขายอาหารในเดือนก.พ.เติบโตขึ้น 5.8% เมื่อเทียบรายปี เนื่องจากมีความต้องการข้าว อาหารแช่แข็ง และอาหารแปรรูปเพิ่มมากขึ้น ส่วนยอดขายเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มร่วงลง 3.9% ขณะที่ยอดขายอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวเรือนเพิ่มขึ้น 1.6%