โจว เหลียง รองประธานคณะกรรมการกำกับดูแลการธนาคารและการประกันภัยแห่งประเทศจีน (CBIRC) แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า ยอดการปล่อยเงินกู้ล็อตใหม่ของจีนในไตรมาสแรกของปีนี้ อยู่ในระดับสูงเกือบ 7 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 9.88 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) หลังจีนได้ยกระดับการสนับสนุนทางการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจีนซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากระดับ 5.81 ล้านล้านหยวน ในไตรมาสแรกของปีที่แล้ว
รองประธาน CBIRC เปิดเผยว่า ยอดการปล่อยเงินกู้ล็อตใหม่ที่เพิ่มขึ้นนี้ได้เข้ามาสนับสนุนเศรษฐกิจแท้จริงในช่วงเวลาที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ทำให้เกิดความเสี่ยงเกี่ยวกับการถดถอยของเศรษฐกิจ และนำมาซึ่งปัจจัยภายนอกที่เสี่ยงต่อเศรษฐกิจและการพัฒนาสังคมของจีน
ด้านนายหลิว กัวเชียง รองผู้ว่าการธนาคารกลางจีน แถลงต่อสื่อมวลชนว่า จีนจะเดินหน้านโยบายการเงินอย่างรอบคอบต่อไปโดยให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นในระดับหนึ่ง และจะให้ความสนใจมากขึ้นในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจแท้จริง
นอกจากนี้ นายหลิวยังกล่าวว่า ธนาคารกลางจีนจะรักษาสภาพคล่องในตลาดให้เพียงพอในระดับที่เหมาะสม เพื่อตอบสนองความต้องการจริง และเลี่ยงไม่ให้เกิดการขาดแคลนเงินสดหรือเงินเฟ้อสูงเกินไป ขณะที่การเพิ่มปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบ M2 และการปล่อยกู้โดยรวม (aggregate financing) ควรสอดคล้องกับการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) หรือไม่ก็สูงกว่าเล็กน้อย